ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อ 21 ธ.ค. 2564 มีมติยกคำร้องคัดค้านประกาศกกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ให้นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรืออดีตส.ว.ก๊อง ชนะเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ และผู้สมัครรับเลือกตั้งในทีมอีก 21 คน
ในการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.)เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 ตามที่คณะอนุกรรมการฝ่ายสืบสวน สอบสวน การเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กกต. สรุปเสนอ
ทั้งนี้ หลังจากกกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าว มีผู้ยื่นคำร้องคัดค้านไปยังกกต. ว่า นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรืออดีตส.ว.ก๊อง ที่กกต.รับรองผลการเลือกตั้งได้เป็น นายก อบจ. เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนจดหมายและทำคลิปวิดีโอ ลงเฟชบุ๊กส่วนตัว เพื่อสนับสนุนนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร จนได้รับเลือกตั้งดังกล่าว โดยมีผู้ยื่นคำร้องคัดค้านการรับรองผลการเลือกตั้งนายนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร และ ส.อบจ. 21 คน กลุ่มเพื่อไทยเชียงใหม่ ที่ได้รับคะแนนสูงสุด รวม 24 คำร้อง
กกต.ตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายสืบสวนสอบสวน การเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กกต. เพื่อพิจารณาคำร้องคัดค้านมาเป็นลำดับ และในการประชุมอนุกรรมการฯเมื่อต้นเดือนธ.ค.2564 นี้ ได้พิจารณาจนได้ข้อยุติว่า เนื่องจากไม่มีระเบียบหรือข้อห้ามไม่ให้บุคคลอื่นหาเสียงให้กับผู้สมัครซึ่งผู้สมัครไม่ได้ร้องขอ จึงถือว่าคำร้องคัดค้านดังกล่าวตกไป และได้ส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ซึ่งกกต.ได้ประชุมและมีมติยกคำร้องคัดค้านดังกล่าว โดยชี้ว่า เนื่องจากนายทักษิณได้สนับสนุนเป็นการส่วนตัว ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นแต่อย่างใด ทำให้นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร และส.อบจ.กลุ่มเพื่อไทยเชียงใหม่ ยังคงอยู่ในตำแหน่งและสามารถบริหารงาน อบจ.เชียงใหม่ ได้อีก 3 ปี จนครบวาระ
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีผู้ร้องได้ระบุว่า นายทักษิณและนายพิชัยได้หาเสียงด้วยวิธีการหลอกลวง และจูงใจผู้ลงคะแนนให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมนั้น ไม่เข้าข่ายการชี้นำ แทรกแซง หรือบังคับให้ผู้มีสิทธิไปลงคะแนนดังกล่าว แต่ผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนดังกล่าวด้วยความสมัครใจ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ มติกกต.ดังกล่าว ไม่ได้มีการแถลงแต่อย่างใด
ด้านนายนพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีหนังสือแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ ดังนั้น จะสอบถามไปยัง กกต.กลาง ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร เพื่อความถูกต้องและชัดเจน ก่อนเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบอย่างเป็นทางการต่อไป