จับตาการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ (ศุกร์ที่ 7 มกราคม) โดยมีวาระในการพิจารณายกระดับมาตรการสกัดเชื้อโอมิครอน อาทิ การปรับโซนสีโควิดล่าสุด หรือ ปรับพื้นที่มาตรการควบคุมการระบาด การงดเดินทางข้ามจังหวัด งดดื่มเหล้า-เบียร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน การเน้นทำงานที่บ้าน และการยกเลิกใช้มาตรการการ Test&Go เป็นการชั่วคราวออกไปก่อน
ซึ่งการประชุมจะเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าวาระการประชุมที่น่าสนใจ เป็นมาตรการการยกระดับสกัดเชื้อโอมิครอน ดังนี้
อย่างไรก็ตามภายหลังการปรเะชุม ในเวลาประมาณ 12.30 น. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุ โยธินโฆษกศบค. จะเป็นผู้แถลงผลการประชุมอย่างเป็นทางการ และมีการถ่ายทดสดทาง NBT และเพจศูนย์ข้อมูล Covid19 ของศบค.
ผู้สื่อข่าวรายว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยรายละเอียดของการระดับมาตรการจากขั้นที่ 3 เป็นขั้นที่ 4 ดังนี้
ระดับการเตือนภัยจากโควิด19 ระดับ 4
การไปสถานที่เสี่ยง
การร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก
เดินทางข้ามพื้นที่/จังหวัด
เดินทางเข้า-ออก ประเทศ
วันที่ 7 ม.ค.65 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แถลงมติศบค.ถึงกรณีที่ กระทรวงสาธารณสุขยกระดับเป็นระดับ4 ในเรื่องของการงดเดินทางข้ามจังหวัด มีมาตรการชัดเจนอย่างไร ว่า ที่ประชุมศบค. หารือว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตั้งข้อสังเกตมาว่าข้อเสนอดังกล่าวของกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกมาว่าเป็นระดับการเตือนภัย และเป็นข้อแนะนำของประชาชน
นั่นจะเห็นได้ว่ามีข้อย่อยหลายข้อที่ใช้คำว่า งด ซึ่งเป็นข้อคิดเห็นจากการประชุม ของนักวิชาการสายทางการแพทย์ จึงเกิดมาตรการต่างๆที่มีความแตกต่างกัน และเป็นการยกระดับมาถึงระดับ4 ที่มีระบุว่างดการเดินทาง
ดังนั้นหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจะไปกระทบ กับการเดินทาง การขนส่งด้านต่างๆ ก็ต้องตอบว่าไม่กระทบ เพราะนั่นเป็นข้อแนะนำที่เกิดขึ้นจากทางกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเตือนบุคคลต่างๆว่าหากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ต้องเดินทาง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนข้อปฏิบัติหรือข้อกำหนดจะต้องเกิดขึ้นจากศบค.เท่านั้น ที่จะออกข้อกำหนดและสั่งให้ดำเนินการในภาพรวมของทั้งประเทศ และที่ประชุมศบค.วันนี้ ไม่ได้มีข้อกำหนด หรือข้อคำสั่ง หรือมติที่ประชุมใดๆ ที่จะเป็นการปิดกิจการกิจกรรมใดๆ นอกนั้นการเดินทางยังเหมือนเดิม
ขอให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขสำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นจะต้องเดินทาง ใช้เป็นเกณฑ์ในการดูแลตัวเอง ใช้เป็นข้อเตือนภัย เช่นเดียวกับการเตือนภัยต่างๆ อาทิ วาตภัย อุทกภัย ด้านนี้ก็คล้ายกัน เพื่อใช้เป็นมาตรการ ยกระดับให้ประชาชนมีความตื่นตัว พร้อมกับขอความร่วมมือให้ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว เพื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน