"เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์" กับเส้นทางลูกหนังก่อนขึ้นแท่นนักเตะ 100 ล.

08 ม.ค. 2565 | 06:23 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2565 | 13:23 น.

เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับเส้นทางลูกหนังก่อนขึ้นแท่นนักเตะ 100 ล้านแห่งสโมสรฟุตบอลคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แชมป์เจ 4 สมัยของประเทศญี่ปุ่น

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า "เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์" กำลังจะกลายเป็นนักเตะไทยในประวัติศาสตร์ที่มีค่าตัวแพงที่สุด หลังจากมีคำยืนยันจากโยชิคาซุโนโนมุระ ประธานสโมสร คอนซาโดเล ซัปโปโร ที่ได้ออกมาประกาศล่าสุดว่า สโมสรได้บรรลุข้อตกลงปล่อยตัว เจ ชนาธิป ไปให้ "คาวาซากิ ฟรอนตาเล่" แชมป์เจลีก 4 สมัย เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการแถลงอย่างเป็นทางการของทั้งสองสโมสรเท่านั้น

 


ทั้งนี้ ยังมีคำให้สัมภาาณ์เปิดใจครั้งแรกของ เจ ชนาธิป ด้วยเกี่ยวกับข่าวการย้ายทีมในงานแถลงข่าว "15 ปี แสนสิริ อคาเดมี่"  ว่า รู้สึกเซอร์ไพรส์และดีใจกับการย้ายทีมครั้งนี้ โดยส่วนตัวก็เพิ่งทราบเรื่องไม่นาน แต่ขณะนี้ตนยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับ คอนซาโดเล่ และฟรอนตาเล่ ที่ผ่านมา พูดคุยกับตัวแทนเท่านั้น

 

นอกจากนี้ ชนาธิปยอมรับว่า ตนทราบเรื่อง ฟรอนตาเล่ ติดต่อมาหลังจบเกมรอบรองฯ ซูซูกิ คัพ นัดแรก ที่ชนะ เวียดนาม 2-0 แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดมาก เพราะขณะนั้นต้องการจะมุ่งมั่นทำผลงานกับทีมชาติไทยก่อน

ส่วนเรื่องค่าตัว ชนาธิป ยอมรับว่า น่าจะเกิน 100 ล้านบาท ซึ่งตนคงเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดเองไม่ได้ ต้องรอทางสโมสรแถลงยืนยันอีกครั้ง

 


"ฐานเศรษฐกิจ" จะนำพาไปย้อนรอยดูเส้นทางลูกหนังของ เจ ชนาธิป ว่าที่นักเตะ 100 ล้านแห่งแชมป์เจลีก 4 สมัย คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ 

 

เจ ชนาธิป เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1993 ที่จังหวัดนครปฐม เริ่มต้นเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จากนั้นพอเริ่มโตขึ้นก็ได้เป็นนักฟุตบอลให้กับโรงเรียนที่เรียนหนังสืออยู่เรื่อยมา 

ย้อนรอยเส้นทางลูกหนัง เจ ชนาธิป

 

จนกระทั่งก่อนถึงซีซั่น 2010 ในศึกไทยลีก ชนาธิป ได้รับการจับตามองจากหลายๆ ทีม โดยตอนยังเล่นฟุตบอลนักเรียน เจ ชนาธิป ถูกปฏิเสธการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนจากที ทีโอที เนื่องจากทางทีมมองว่าด้วยส่วนสูง 158 ซม. ถือว่าตัวเล็กและไม่เหมาะกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ 

 

ทำให้ซีซั่น 2010 เขาได้รับโอกาสจากบีอีซี เทโรศาสนา ให้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชน 
 

จากการเริ่มต้นคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ 2554 กับทีม บีอีซี เทโรศาสน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ต่อด้วยการติดโผทีมชาติไทยชุดยู-19ปี ลงโม่แข้งรอบคัดเลือกชิงแชมปเอเชีย 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพรอบคัดเลือก ซึ่งกุนซือใหญ่ทีมเยาวชน19 ปี ทีมชาติไทยในยุคนั้น คือ "น้าฉ่วย"สมชาย ชวยบุญชุม ที่ถือเป็นโค้ชผู้เริ่มสร้าง

 

ทีมชุดของ "เจ" ชนาธิป ให้เป็นที่รู้จักของแฟนบอลไทยจนถึงปัจจุบันนี้
ต้องเรียกว่าในยุคสมัยนั้น เจ ชนาธิป คือการบ่มกระดูกกับทีมชาติไทยชุดยู19ปี ลงซ้อมแบบที่ยังไม่ใช่ซูปตาร์เบอร์หนึ่ง แต่ก็มีจุดเด่นที่ตัวเล็กและคล่องแคล่วมากๆ 

 

สำหรับการลงสนาม 4 นัดในรอบคัดเลือกของยู19ชิงแชมป์เอเชีย "เจ ชนาธิป" ทำได้ 1 ประตูในเกมที่ไทย ชนะ กวม 13-0 เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2011 
และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นต่อมาที่ทำให้แฟนบอลไทยทุกคน รวมถึงแฟนบอลเอเชียได้รู้จักในเวลาต่อมา กับสตาร์ที่ชื่อ "เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์" 

 

เจ ชนาธิปยังคงทำผลงานได้ดีต่อเนื่องจนยักษ์ใหญ่ไทยลีกอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2016 ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่เจ้าตัวเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในสโมสรและทีมชาติจนทีมในเจ ลีก อย่าง คอนซาโดเล่ ซัปโปโป ติดต่อขอยืมตัวไปเล่น

เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์

 

วันที่ 19 ธันวาคม ปี 2016 คือวันที่ทีม "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกโตโยต้า ไทยลีก แถลงปล่อยตัว เจ ชนาธิป เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญออกไปให้กับ "เจ้านกฮูก" ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมในศึกเจลีก ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปีครึ่ง

 


ช่วงแรก หรือราวๆ ครึ่งซีซั่น 2017 เรียกได้ว่า เจ ชนาธิป ต้องปรับตัวใหม่หมดทั้งในและนอกสนาม อย่างในสนามาต้องทำความรู้จัก เรียนรู้แท็กติกใหม่ รูปแบบการฝึกซ้อมใหม่ๆ รวมถึงเรื่องโภชนาการที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเดิมหลายเท่า ขณะที่นอกสนามก็จะเป็นในเรื่องของสภาพอากาศที่ถ้าร้อนก็ร้อนแสบผิว หรือหน้าหนาวก็เย็นยะเยือกถึงใจ

 


ภาพรวมในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่า เจ ชนาธิป ต้องเจอกับบททดสอบที่ถือว่ายากเลยทีเดียว ปัจจัยภายนอกสนามส่วนมากจะรู้ว่าจะต้องทำแบบไหน แต่กับปัจจัยในสนาม หรือในทีม ต้องบอกว่ามันยากมากๆ อย่างที่เห็นกันเด่นชัดเลยคือ เจ แทบไม่ได้รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมเลย ตำแหน่งที่เล่นได้ดีที่สุดคือมิดฟิลด์ตัวรุก แต่โดยส่วนมากแล้วจะถูกทาง ชูเฮ โยโมดะ กุนซือของทีมจับโยกไปเล่นทางปีกซ้ายซะมากกว่า จบฤดูกาลลงสนาม 16 นัด ทำได้ 0 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์

 

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมได้มีการเปลี่ยนจาก ชูเฮ โยโมดะ ที่ลดบทบาทลงไปเป็นผู้ช่วย เพื่อเปิดทางให้ มิไฮโล เปโตรวิช เข้ามาคุมทีมแทน พร้อมทั้งนำระบบการเล่นใหม่เข้ามา ทำให้ เจ ชนาธิป ต้องปรับตัวอีกครั้ง ซึ่งช่วงแรกออกมาไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เจ ชนาธิป เปโตรวิช เรียกมาตำหนิบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ เจ ชนาธิป ต้องถูกจับไปซ้อมร่วมกับกลุ่มทีมชุดสำรอง

 

อย่างไรก็ตาม เจ ชนาธิปได้แสดงความทุ่มเทอย่างหนัก ทำให้เริ่มซึมซับปรัชญาการทำทีมของ มิไฮโล เปโตรวิช จนกลายเป็น เจ ชนาธิป คนใหม่ที่มีการเล่นจังหวะเดียวมากขึ้นอย่างมั่นใจ ขยันเรียกบอล จ่ายบอลเร็ว และที่สำคัญจุดบอดก่อนหน้านี้อย่างเรื่องการทำประตู เจ ชนาธิปก็พยายามหาจังหวะทำประตูมากขึ้น เรียกได้ว่ามีช่องเป็นส่องไกล ไม่ยึกยักและไหลต่อให้เพื่อนอีกแล้ว หากตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า

 

ด้วยฟอร์มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับทีมก็มีการพัฒนาขึ้นในยุคของ มิไฮโล เปโตรวิช ทำให้ทีมจบในอันดับที่ 4 ของตาราง ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร แม้จะมีเรื่องน่าเสียดายที่ทีมพลาดคว้าตั๋วไปลุยศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ในรอบ 83 ปี นับตั้งแต่สโมสรก่อตั้งมาในปี 1935 ก็ตามที 
ขณะที่ผลงานส่วนตัวก็ถือว่ายอดเยี่ยมอย่างเห็นได้ชัดเมื่อ เจ ชนาธิป ทะลวงตาข่ายคู่แข่งไป 8 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ พร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร และติดโผ 11 แข้งยอดเยี่ยมของเจลีกในปีดังกล่าว และในปี 2018 เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้รับสัญญาถาวร ด้วยระยะเวลา 5 ปี ซึ่งสัญญาฉบับนี้เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019

 

สำหรับ เจ ชนาธิปนั้น ค้าแข้งกับ คอนซะ มาแล้ว 4 ปีครึ่ง ตั้งแต่กลางปี 2017 โดยมีสัญญาเหลือกับ “นกฮูกเมืองเหนือ” อีก 2 ปี เพิ่งลงเล่นศึกเจลีก ครบ 100 เกม ไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยลงสนามทุกรายการไปแล้ว 123 เกม ยิง 15 แอสซิสต์ 22