บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ออกแถลงข่าวขอแสดงความขอโทษและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อ ทุก ๆ ท่านที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 เวลา 21.06 น. ซึ่งตั้งอยู่ห่างชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 20 กิโลเมตร
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า จากการคำนวณล่าสุด ปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลโดยประมาณอยู่ที่ 39 ตัน จากก่อนหน้านี้คาดว่าจะมีประมาณ 50 ตัน หรือเทียบเท่าโดยประมาณ 47,000 ลิตร ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 20 – 50 ตัน
บริษัทฯ ขอแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการปฏิบัติงานของเรา และรู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างมากต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการรั่วไหลในครั้งนี้ บริษัทฯ จะเริ่มทำการสืบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อจะทำการหาสาเหตุและทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสืบสวนนี้อีกด้วย
สิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ สามารถผ่านสถานการณ์นี้มาได้ มาจากการได้รับการสนับสนุนและการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือในเหตุการณ์ครั้งนี้
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าแก้ไขสถานการณ์ภายใต้การควบคุมดูแลของกองทัพเรือและกรมเจ้าท่า และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานในจังหวัดระยอง, กรมควบคุมมลพิษ, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงอุตสาหกรรม, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ตำรวจ, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), สมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน(IESG), Oil Spill Response Limited (OSRL) กลุ่มชาวประมง และชุมชน
บริษัทฯ ตระหนักดีว่า แม้เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะลดผลกระทบให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดแล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ยังสร้างความเสียหายให้กับชุมชน การประมง ธุรกิจท้องถิ่น และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ ขอรับผิดชอบในเรื่องของการชดใช้ความเสียหายอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับจังหวัดระยอง เพื่อจัดตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ ณ บริเวณชายหาด บ้านสบ๊าย สบาย รีสอร์ทตำบลตะพง นอกเหนือไปจากสายด่วนเบอร์โทร 1567 เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็วทั้งในระยะสั้น และระยะยาวสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกองค์กรและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและจะสนับสนุนการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมดังกล่าวต่อไป