จากกรณีการจากไปของ ‘สรพงษ์ ชาตรี’ พระเอกตลอดกาลและนักแสดงชื่อดัง ที่ล้มป่วย และเสียชีวิต ลงอย่างสงบ ด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อเวลา 15.51 น ณ ห้องพักผู้ป่วยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม2565 โดยเบื้องต้นจากรายงานข่าวระบุว่า เอก สมพงษ์ ชาตรี เสียชีวิตในวัย 71 ปีนั้น
หลังจากนั้นมีการออกมาระบุจากคนใกล้ชิดว่า‘สรพงษ์ ชาตรี’ ไม่ได้เสียชีวิตในวัย71ปี แต่เป็นการเสียชีวิตในวัย73 ปี
โดย ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม บุตรชายของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้ที่ทำงานร่วมกัน สรพงศ์ มาอย่างยาวนาน ได้เปิดเผยข้อมูลอีกด้าน โดยระบุว่า เอก-สรพงศ์ ชาตรี เสียชีวิตในอายุ 73 ปี ไม่ใช่ 71 ปี ตามที่เป็นข่าว
โดยคุณชายอดัม โพสต์ระบุว่า ลุงเอก 73 นะครับ พร้อมกันนี้ยังได้โพสต์ไว้อาลัยต่อการจากไปของพระเอกดัง ความว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ …. ลุงเอกคือครอบครัวของพวกเราเสมอนะครับ
#เรื่องเศร้าคนบันเทิง #สิ้นพระเอกนักบุญ #เอกสรพงษ์ #สรพงษ์ชาตรี #ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็ง สิริอายุ 73 ปี
เพจดาราภาพยนตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า นับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญอีกครั้งของวงการบันเทิงเมืองไทย กับการจากไปของพระเอกนักบุญ พี่เอก-สรพงษ์ ชาตรี ที่จากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งที่ลุกลาม เมื่อเวลา 15:51 น. ณ ห้องพักผู้ป่วยโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ สิริอายุ 73 ปี (อายุตามบัตรประจำตัวประชาชน)
#กำหนดการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ #สวดพระอภิธรรม ศิลปินแห่งชาติ สรพงษ์ ชาตรี ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทร์ ระหว่างวันที่11-17 มีนาคม 2565
วันศุกร์ที่11 มีนาคม 2565
เวลา 15.30 น พิธีรดน้ำศพ
เวลา 17.00 น พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ
เวลา 19.00 น พิธีสวดพระอภิธรรม
โดยหลังจากพิธีสวดอภิธรรมในวันที่17 มีนาคมแล้วครอบครัวจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล100วัน และ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
เจ้าภาพขอกราบเรียน เรียน ถึงแขกทุกท่านที่จะมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพพี่เอก-สรพงษ์ ชาตรี ศิลปินแห่งชาติ ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทร์
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด19 ซึ่งกำลังระบาดอย่างแพร่หลาย ทางเจ้าภาพ ขออนุญาต ขออภัยต่อแขกทุกท่านในความไม่สะดวก สำหรับท่านที่จะเข้าร่วมไว้อาลัย ณ ศาลากลางน้ำ ซึ่งเป็นห้องปรับอากาศ จะต้องผ่านการตรวจ atk ก่อนเข้าไปด้านใน
ส่วนด้านนอก ศาลาจะมีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่างไว้ให้ ไม่ต้องตรวจ แต่ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาและมีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง
#เจ้าภาพแจ้งของดหรีด และเชิญชวนให้ร่วมบริจาค #มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ในพระอุปถัมภ์ฯ ซึ่งในบริเวณงานจะมีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิ รับบริจาคพร้อมออกใบเสร็จให้
พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึง ประวัติเอก-สรพงษ์ ชาตรี ว่า สมพงษ์ ชาตรี มีชื่อจริงว่า นายพิทยา เทียมเศวต ภายหลังเปลี่ยนเป็น นายกรีพงษ์ เทียมเศวต เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 70 ถึงกลางยุค 80 เเละยังคงมีชื่อเสียงในอาชีพการเเสดงมาจนถึงปัจจุบัน
ภายหลังได้รับเลือกเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงเมื่อปีพ.ศ.2551
สรพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2492 ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายชื้น กับนางพริ้ว เทียมเศวต จบการศึกษาชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่วัดเทพสุวรรณ พระนครศรีอยุธยา และวัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทในปีพ.ศ.2512
เมื่ออายุได้ 19 ปี ได้พบกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งชักชวนให้มาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
สรพงษ์ เริ่มงานแสดงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2512 เป็นตัวประกอบ และเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง นางไพรตานี ฉายทางช่อง 7 และเล่นเป็นตัวประกอบในละคร ห้องสีชมพู และ หมอผี ซึ่งหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้กำกับ หลังจากเดินทางกลับจากเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
ชื่อ "สรพงษ์ ชาตรี" ที่ใช้ในการแสดง ผู้ตั้งให้คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยคำว่า "สร" มาจาก อนุสรมงคลการ, "พงศ์" มาจาก สุรพงศ์ โปร่งมณี (ผู้พามาฝากตัวกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม) และ "ชาตรี" มาจาก ชาตรีเฉลิม
สรพงษ์ ชาตรี มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่อง สอยดาว สาวเดือน เมื่อ พ.ศ.2512 รับบทเป็นลูกน้องนักเลงที่มีเรื่องกับ ชนะ ศรีอุบล ที่รับบท สมิง ซึ่งเป็นพระรองของเรื่องในร้านเหล้า โดยที่ออกมาฉากเดียว ไม่มีบทพูดและถูกสมิงยิงตาย จากนั้นในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 คือเรื่อง ต้อยติ่ง ในปีเดียวกัน สรพงษ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวในช่วงท้ายเรื่องและไม่มีบทพูดเช่นเคย และภาพยนตร์เรื่องที่ 3 คือเรื่อง ฟ้าคะนอง เมื่อ พ.ศ. 2513
สรพงษ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียว แต่เริ่มมีบทพูด โดยรับบทเป็นผู้โดยสารรถสองแถวคันเดียวกับนางเอกคือ ภาวนา ชนะจิต ที่ต้องการเดินทางไป หาดฟ้าคะนอง กระทั่งสรพงษ์ได้รับบทพระเอกเต็มตัวครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่องที่ 4 คือเรื่อง มันมากับความมืด (พ.ศ.2514) ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม จากนั้นได้รับบทในภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม แทบทุกเรื่อง ทั้งบทพระเอก พระรอง และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบางครั้ง
สรพงษ์ ชาตรี มีผลงานแสดงกว่า 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ และ สัตว์มนุษย์ สองปีติดต่อกัน และมีชื่อเสียงในต่างประเทศจากเรื่อง แผลเก่า (พ.ศ.2520) กำกับโดยเชิด ทรงศรี นับว่าประสบความสำเร็จสูงสุด
สรพงษ์ ได้รับรางวัลทางการแสดงจากหลายสถาบัน เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี ดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง สัตว์มนุษย์ ชีวิตบัดซบ มือปืน มือปืน 2 สาละวิน เสียดาย 2 รางวัลสุพรรณหงส์ ดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ถ้าเธอยังมีรัก มือปืน และนักแสดงประกอบชายจากเรื่อง องค์บาก 2 ส่วนรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง มือปืน 2 สาละวิน
#เครื่องราชอิสริยาภรณ์
* พ.ศ.2524 ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
* พ.ศ.2552 ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)
#ชีวิตส่วนตัว
สรพงษ์ ชาตรี มีบุตรทั้งหมด 4 คน คือ พิมพ์อัปสร (ขวัญ), พิศุทธินี (เอิง), พิศรุตม์ (เอม) และพิทธกฤต เทียมเศวต (อั้ม) ซึ่งพิมพ์อัปสร บุตรคนแรก เกิดกับทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ส่วนบุตรคนที่สองถึงสี่ เกิดกับคุณแอ๊ด-พิมพ์จันทร์ ใจวงศ์
ปัจจุบันสมรสกับ ดวงเดือน จิไธสงค์ รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ.2529 และรองนางสาวไทย พ.ศ.2530
ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ในปี พ.ศ.2552
ดำรงตำแหน่ง #ประธานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
#กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย (จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย) สาขาศิลปะการแสดงในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย