เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัตินั้น สยามมีทาสเป็นจำนวนกว่า 1ใน 3 ของพลเมือง เพราะตามกฎหมายเดิม เมื่อพ่อแม่เป็นทาสแล้ว ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสกันตั้งแต่กำเนิด และเป็นตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสพ้นจากสภาพทาส จึงสืบเชื้อสายต่อ ๆ กันไปจนถึงรุ่นหลานเหลน ให้เกิดมาเป็นทาสกันตลอดไป
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2417 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตรา “พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทย” และได้ทรงตราพระราชบัญญัติลักษณะทาสหลายฉบับ ออกบังคับใช้ในมณฑลต่าง ๆ เพื่อให้ลูกทาสได้เป็นไทแก่ตัว นอกจากนี้ ทรงออกประกาศประมวลกฎหมายลักษณะอาญากำหนดบทลงโทษแก่ผู้ซื้อขายทาสให้มีความผิดเช่น เดียวกับโจรปล้นทรัพย์
ทรงกระทำเป็นแบบอย่างแก่บรรดาเจ้านายและขุนนาง ในการบำเพ็ญกุศลด้วยการบริจาคพระราชทรัพย์ไถ่ถอนทาสพร้อม พระราชทานที่ทำกิน เป็นผลให้ระบบทาสที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาหลายร้อยปี ก็ได้ถูกยกเลิกไปจนหมดสิ้น ด้วยพระบรมราโชบายที่ละมุนละม่อม ทรงใช้เวลาถึง 30 ปีก็ทรงเลิกทาสสำเร็จในพุทธศักราช 2448 สมตามพระราชปณิธานที่ได้ทรงตั้งไว้ โดยไม่มีการต่อต้านเสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด
ข้าทาสและไพร่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งหลุดพ้นจากระบบดั้งเดิม ได้กลายเป็นราษฎรสยามและต่างมีโอกาสประกอบ อาชีพหลากหลาย
พอถึงปี 2448 วันที่ 1 เมษายน 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ได้ออกพระราชบัญญัติเลิกทาสที่แท้จริงขึ้น เรียกว่า “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔” พระราชบัญญัติฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน 2448 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของสยาม ในขณะนั้น
ที่มา : โบราณนานมา