เกณฑ์ทหาร 2565 วันไหน อายุเท่าไหร่ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง

04 เม.ย. 2565 | 06:31 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2565 | 13:57 น.

กองทัพบกเปิดเกณฑ์ทหาร ประจำปี 2565 ชายไทยที่เข้าข่ายต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เช็คข้อมูลเริ่มวันไหน ถึงวันไหน อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง เท่าไหร่ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง

รายงานข่าวจากกองทัพบก แจ้งว่า จะทำการเกณฑ์ทหาร หรือตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ในปี 2565 โดยทางราชการได้เตรียมความพร้อมทั้ง บุคลากร สถานที่ ระบบการบริหารจัดการที่กระชับรวดเร็ว อำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการตรวจเลือกอย่างเต็มที่ 

 

ทั้งนี้ดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 รวมทั้งคณะกรรมการตรวจเลือกที่จะดำเนินการพร้อมกันใน 77 จังหวัด 928 หน่วยตรวจเลือก เริ่มต้นระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. 2565 (เว้นวันที่ 6 และ 13 - 15 เม.ย. 2565)

 

สำหรับผู้ที่อยู่ในกำหนดเรียกไปเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ประจำปี 2565 มีดังนี้

  • ชายสัญชาติไทย เกิด พ.ศ. 2544 ซึ่งมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ 
  • ชายสัญชาติไทย เกิด พ.ศ. 2536 – 2543 (อายุ 22-29 ปี ที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือก หรือการตรวจเลือกยังไม่แล้วเสร็จ) 
  • ต้องเตรียมตัวเข้ารับการตรวจเลือก ตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนดในหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร(แบบ สด.35) 
  • รวมถึงบุคคลที่พำนักพักอาศัยอยู่ต่างประเทศหรือบุคคลที่มีสองสัญชาติแต่ยังคงมี สัญชาติไทยและอายุอยู่ในกำหนดที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกฯ ก็จะต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ 

เอกสารที่ต้องเตรียมไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ดังนี้

  • บัตรประชาชน 
  • ใบสำคัญทหารกองเกิน (สด.9)
  • หมายเรียกฯ (สด.35)
  • วุฒิการศึกษา(สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าขึ้นไป)    
  • หรือหนังสือสำคัญแสดงวิทยฐานะของ ผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 หรือชั้นปีที่ 2 หรือหนังสือรับรองดังกล่าว ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร ไปแสดงต่อคณะกรรมการตรวจเลือกด้วย
  • ใบรับรองแพทย์ หรือประวัติการรักษา (ถ้ามี)

 

ทั้งนี้ผู้ใดหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) หรือไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ ตามหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) หรือไป แต่ไม่เข้ารับการตรวจเลือกฯ หรือไม่อยู่จนการตรวจเลือกฯ จะแล้วเสร็จ ให้ถือว่ามีความผิดต้องได้รับโทษ ตามกฎหมาย

 

สำหรับการส่งคนเข้ากองประจำการ คณะกรรมการตรวจเลือกจะคัดเลือกบุคคล ดังนี้ 

  • คนที่มีร่างกายสมบูรณ์ มีขนาดรอบตัว ตั้งแต่ 76 เซนติเมตรขึ้นไปในเวลาหายใจออก 
  • สูงตั้งแต่ 1 เมตร 46 เซนติเมตรขึ้นไป 
  • แต่จะคัดเลือกคนที่มีขนาดสูงตั้งแต่ 1 เมตร 50 เซนติเมตรขึ้นไปก่อน 
  • ถ้ามีจำนวนมากกว่าที่ทางราชการต้องการ ให้ทำการจับสลาก เพื่อกำหนดคนเข้ากองประจําการต่อไป

ทั้งนี้ในระหว่างการตรวจร่างกายหรือวัดขนาด หากผู้เข้ารับการตรวจเลือกฯ เห็นว่าการตรวจร่างกาย หรือวัดขนาดของคณะกรรมการตรวจเลือกไม่ถูกต้องตรงกับลักษณะของตนเองหรือมีข้อสงสัยประการใด ก็ให้คัดค้านหรือสอบถามในขณะนั้นทันที เพื่อให้คณะกรรมการตรวจเลือกพิจารณาตรวจร่างกาย หรือวัดขนาดใหม่ 

 

หากไม่มีการคัดค้านให้ถือว่ายอมรับผลการดำเนินการของคณะกรรมการตรวจเลือก หากผู้ที่ต้องถูกเข้ากองประจำการ เห็นว่า คณะกรรมการตรวจเลือกตัดสินไม่ถูกต้องหรือไม่ยุติธรรมก็ให้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการขั้นสูงได้ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 เพื่อพิจารณาใหม่ ณ สำนักงานสัสดีจังหวัดท้องที่ที่ตนเข้ารับการตรวจเลือก ซึ่งคำตัดสินของคณะกรรมการขั้นสูงให้เป็นที่สุด

 

ส่วนผู้จะขอใช้สิทธิต่างๆ เช่น ลดเวลาประจำการตามวุฒิการศึกษา หรือผู้ที่ขอผ่อนผันต่อหรือขอสละสิทธิ์ผ่อนผัน รวมทั้งผู้ที่ต้องการสมัครเป็นทหาร ขอให้เตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อรักษาสิทธิของตนเองการตรวจเลือกทหารกองประจำการ

 

ทั้งนี้ในการดำเนินการเกณฑ์ทหาร ครั้งนี้ กระทรวงกลาโหม มอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินการตรวจเลือกในภาพรวมและส่งมอบทหารกองประจำการให้กับทุกเหล่าทัพ เพื่อปฏิบัติงานตามภารกิจหน้าที่ต่อไป

 

ที่ผ่านมา กองทัพใช้วิธีการตรวจเลือกทหารกองประจำการแบบผสมผสานทั้งการเปิดโอกาสให้สมัครใจเป็นทหาร กับการดำเนินการคัดเลือกชายไทยตามจำนวนที่ทางราชการกำหนด

 

สำหรับในปี 2565 นี้ กองทัพบก ได้ทำการคัดเลือกทหารกองประจำการไว้แล้วจำนวนหนึ่ง จากโครงการสมัครเป็นทหารกองประจำการ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ (ที่รับผู้ที่มีอายุ 18-20 ปี และ 22-29 ปี สมัครเป็นทหาร) ทำให้ยอดผู้ที่จะต้องเข้ามาเป็นทหารกองประจำการในปีนี้ลดลง 

 

กองทัพบก จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครเป็นทหาร ต้องแจ้งความประสงค์ต่อคณะกรรมการทันทีในวันที่มารับการตรวจเลือก โดยกองทัพจะเปิดโอกาสให้มีการสมัครหรือร้องขอเป็นทหารก่อน

 

สำหรับรายละเอียดในการตรวจเลือกเกณฑ์ทหาร รวมถึงข้อสงสัยและข้อควรปฏิบัติอื่นๆ สามารถสอบถามได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้