ตามที่มีบทความเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่เราฉีดกันแล้ว 3 หรือ 4 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ขณะที่การป้องกันอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตก็เริ่มเป็นที่สงสัย เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่มากเกินไปภูมิคุ้มกันที่ได้อาจเป็นภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกาย อาจกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้าข้างกับไวรัส คือ ผู้ติดเชื้ออาจจะมีอาการหนักเกิดขึ้นได้เมื่อติดเชื้อและเพิ่มการอักเสบมากขึ้น รวมทั้งความเห็นในทางที่ชี้ว่า วัคซีนอาจจะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เลยและอาจจะต้องหันไปหาทางอื่น เช่น การใช้ยารักษานั้น
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย สมาคมเวชบําบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ที่มีสมาชิกเป็นแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหลัก มีความห่วงใยในความเห็นดังกล่าว ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดเรื่องวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนโดยทั่วไป จึงขอออกประกาศร่วม 5 องค์กร ในเรื่องดังกล่าวต่อไปนี้
1.วัคซีนโควิด-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นโดยส่วนของเชื้อที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม เมื่อมีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจึงทําให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ลดลงอย่างมากในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกินกว่า 3 เดือน จึงควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ถึงแม้การให้วัคซีนเข็มกระตุ้นจะไม่สามารถป้องกันโควิด- 19 สายพันธ์ุโอมิครอนได้ 100%
-ข้อมูลทั้งจากการทดลองและการศึกษาวิจัยพบว่า การให้วัคซีนเข็นกระตุ้นสามารถกระตุ้น ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้เพิ่มขึ้น และป้องกันการเกิดโควิด-19 ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม และที่สําคัญสามารถลดการนอนโรงพยาบาล การเกิดปอดอักเสบ การนอนในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิต ได้ดีกว่า การรับเพียง 2 เข็มมาก
-การศึกษาประสิทธิผลของการใช้วัคซีนในโลกแห่งความจริง (real world study) ที่ยืนยันถึงผลดี ของการให้วัคซีนเข็มกระตุ้นในประเทศต่าง ๆ เช่น อิสราเอล อังกฤษ การ์ตา และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ จากการติดตาม สถานการณ์ภายในประเทศและต่างประเทศ พบว่า ผู้ที่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตน้ัน ส่วนใหญ่คือ ผู้ที่ยังไม่ได้ รับวัคซีนเลยหรือยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น แม้เป็นผู้สูงอายุหรือมีโรคประจําตัว ถ้าได้รับวัคซีนครบถ้วน ก็มักจะมีอาการเพียง เล็กน้อย และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หายจากโรคได้ในเวลาอันรวดเร็ว
2.ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิก รวมทั้งงานวิจัยขนาดใหญ่และการศึกษาในโลกแห่งความจริงที่แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า การได้รับวัคซีนที่มากเกินไปจะทําให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกายและกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้าข้างกับไวรัสและยังไม่มีข้อมูลที่แสดงว่า ผู้ได้รับวัคซีนเมื่อป่วยเป็นโควิด-19 มีการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่กลับพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ซ่วยลดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งลดการเกิดอาการภายหลังโควิด-19 (long COVID) ด้วย
3.ถึงแม้ในปัจจุบันมีความพยายามผลิตวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพดีต่อเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน แต่ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อใช้ในการผลิต จึงยังไม่แน่นอนว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิดใหม่จะสามารถผลิตใช้โดยทั่วไปได้เมื่อไดในอนาคต จึงยังคงมีความจําเป็นที่ต้องรับการกระตุ้นด้วยวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตสําหรับสายพันธุ์ดั้งเดิมไปก่อนในปัจจุบัน
ดังนั้น องค์กรวิชาชีพทั้ง 5 องค์กรจึงขอสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเทศกาลสงกรานต์