"LAAB" ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป คืออะไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร ฉีดยังไง ?

09 เม.ย. 2565 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :09 เม.ย. 2565 | 09:33 น.

ทำความรู้จัก "LAAB" ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา คืออะไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร ฉีดยังไง ?

วันนี้พามาทำความรู้จัก LAAB ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เป็นยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด  ที่ใช้สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิ ด้วยวัคซีนได้ 

เมื่อวานนี้ (8 เมษายน 2565 ) ที่ประชุม ศบค. รับทราบแผนการจัดหา Long-Acting Antibody หรือ LAAB ยาที่เปรียบเสมือนเป็นวัคซีน ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป สำหรับ กลุ่มเสี่ยง สูงที่ไม่สามารถ กระตุ้นภูมิด้วยวัคซีนอื่นๆ เช่น คนมีโรคประจำตัว มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือให้ก่อนการสัมผัสโรคโดยฉีดเข้ากล้าม

LAAB คืออะไร

  • ยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antibody - LAAB) ภายใต้ชื่อ Evusheld (ชื่อเดิม AZD7442)
  • ยาแอนติบอดีชนิดเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด
  • ข้อมูลจากการศึกษาระยะที่ 3 แสดงให้เห็นว่า Evusheld หนึ่งโดส สามารถให้การป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยาวนานในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง

 

กลุ่มเป้าหมายคือใคร  

  • องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ขึ้นทะเบียน Evusheld เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด ในกลุ่มผู้ใหญ่และกลุ่มวัยรุ่น (ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักมากกว่า 40 กิโลกรัม)
  • เป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่องปานกลางถึงรุนแรง เนื่องมาจากการรักษาทางการแพทย์ หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่อาจมีการตอบสนองทาง ภูมิคุ้มกัน ต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ผู้ที่ได้รับยานี้ต้องไม่เป็นผู้ติดเชื้อ หรือเป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2

 รายละเอียดในเอกสารกำกับยา

 รายละเอียดในเอกสารกำกับยา

  • เป็น Antibody ชนิด Long-Acting Antibody มีส่วนประกอบ 2 ชนิด (150 mg tixagemab co-packaged with 150 mg cilgavimab)
  • ผ่านการรับรองใช้แบบฉุกเฉิน EUA โดย อย.สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564
  • ขึ้นทะเบียนยาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศอังกฤษ เมื่อ มิ.ย. 2564
  •  กลุ่มเป้าหมายผู้มีความเสี่ยงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค สำหรับเชื้อไวรัสโควิด
  • ขนาดการใช้ ฉีดเข้ากล้ามทุก 6 เดือน ภูมิต้านทานสามารถป้องกันโควิดได้ 6-12 เดือนต่อการให้ 1 ครั้ง
  • ประสิทธิผล ร้อยละ 83 ในการลดความเสี่ยงของอาการรุนแรงของโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.1 BA.2 และ BA.1.1
  • กระบวนการจัดหา หารืออัยการสูงสุด แนะนำให้ปรับสัญากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า โดยเปลี่ยนวัคซีนแอสตร้าฯบางส่วน
  • อยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม.อนุมัติ ไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่ม