ชายคลั่งบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ โดน 7 ข้อหา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต

04 พ.ค. 2565 | 07:36 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ค. 2565 | 15:03 น.

ทอท.แถลงข่าวจับชายคลั่งบุกรุกเข้าลานจอดเครื่องบิน พื้นที่เขตการบิน เผยปฎิบัติตามขั้นตอนสากล เน้นเจ้าหน้าที่-ผู้โดยสารต้องปลอดภัย ยอมรับมีกายภาพบางจุดที่ต้องปรับปรุง ด้านตำรวจแจ้ง 7 ข้อหาหนัก โทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต

 

จากกรณีชายคลั่งขี่รถจักรยานยนต์ บุกเข้าไปในเขตการบิน (Airside ) ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยชายดังกล่าว ได้เข้าไปทางประตูทางเข้าลานจอด 3 (Control Post 3 ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ คอนคอร์ด A พร้อมกับพกอาวุธคล้ายขวานที่ประดิษฐ์เอง มุ่งไปยังประตูเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จอดอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่สายการบินปิดประตูกั้นไว้ทัน ทำให้ชายดังกล่าวหันไปทุบประตูขึ้นเครื่อง (Gate) จนกระจกแตกกระจาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามบินจะช่วยกันจับตัวไว้ได้ในที่สุด

 

ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ค.65) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น วันที่ 3 พ.ค.เวลาประมาณ เวลา 11.50น. ทาง Control Post 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ เห็นชายดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาใกล้ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปห้าม เพราะเขตดังกล่าวห้ามรถจักรยานยนต์เข้า เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าใกล้ ชายดังกล่าวได้ชักอาวุธปืนขึ้นมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหลบเข้าที่กำบัง เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นอาวุธจริงหรือปลอม

 

ชายคลั่งบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ โดน 7 ข้อหา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต

โดยในระหว่างนั้น มีรถยนต์ของสายการบินที่ผ่านการตรวจอยู่ที่ Control Post 3 ดังกล่าว และประตูได้เปิดให้รถยนต์ดงกล่าวเข้าพื้นที่ ชายดังกล่าวอาศัยจังหวะฝ่าเข้าไป พร้อมกับใช้อาวุธปืนขู่เจ้าหน้าที่ และได้เข้าไปในเขตลานบิน หรือ Airside ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตลอดเวลาและให้หน่วยสกัดในพื้นที่ดำเนินการทันที โดยใช้เวลาสามารถจับกุมตัวได้ในเวลา 12.04 น. หรือดำเนินการควบคุมได้ประมาณ 10 นาที

 

ชายดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์ไปและล้มลง สุดท้ายวิ่งขึ้นไปที่ประตูเทียบเครื่องบิน A4 ใช้ขวานจามไปที่ประตูกระจกแตก เจ้าหน้าที่ที่ติดตามเห็นและมั่นใจว่าอาวุธปืนเป็นของปลอม จึงตัดสินใจในวินาทีนั้นที่เข้าชาร์จ ซึ่งการตัดสินใจนั้นต้องมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ ผู้โดยสารต้องปลอดภัย และเพื่อไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าไปชั้นในอาคารผู้โดยสารได้ การปฏิบัติการทั้งหมดได้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร รวมถึงความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ทุกนาย ดังนั้น ทั้งหมดได้ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

 

 

นอกจากนี้ ในเรื่องการสกัดจับและทักษะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน เช่น การใช้รถยนต์วิ่งล้อมไปมานั้นเป็นหลักปฎิบัติตามมาตรฐานสากล เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการไปตามการฝึก ไม่ได้ทำมั่วๆ การทำงานมีขั้นตอน 

 

ชายคลั่งบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ โดน 7 ข้อหา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต

 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตรวจที่ ประตู ไม่ได้พกอาวุธติดตัว แต่เมื่อเหตุเกิด ก็มีการประสานงานกันเพื่อสกัด โดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการได้มีการพูดคุย กับศูนย์สั่งการตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ต้องชาร์จ เพื่อยุติเหตุการณ์โดยเร็ว ไม่อยากเห็นภาพหลุดเข้าไปด้านใน เหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย เรามุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ อย่าไรก็ตาม อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องการเพิ่มอุปกรณ์ให้เจ้าหน้าที่เช่น ปืนไฟฟ้า ซึ่งหลายสนามบินเริ่มนำมาใช้แล้ว

 

ทั้งนี้ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้จริงๆ แต่เมื่อหลุดเข้ามาในพื้นที่สนามบินแล้วจะต้องมีมาตรการจัดการ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ สนามบินต้องดำเนินการ ซึ่งมีขั้นตอนปฎิบัติ การป้องกันดูแลแผนเผชิญเหตุเป็นไปตามมาตรฐาน ICAO ผ่านการตรวจสอบ ทอท.ไม่ได้คิดเอง ยืนยันสุวรรณภูมิมีมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยเป็นระดับสากล

 

ชายคลั่งบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ โดน 7 ข้อหา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต

 

หลังเกิดเหตุได้รายงานให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม ทราบทันที รมต.ให้เร่งดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ทำตามกฎหมาย โดยกำชับให้มุ่งเน้นการให้บริการตามมาตรฐานและความปลอดภัย ผู้โดยสารต้องรู้สึกว่าปลอดภัย

 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สนามบินโดยฝ่ายมาตรฐานและฝ่ายรักษาความปลอดภัย จะต้องกลับมามองระบบรวมถึงกายภาพของสนามบินอีกครั้งว่าจะต้องมีการปรับปรุงอย่างไร เช่น แนวกั้นของ Control Post ที่เป็นแท่งๆ ป้องกันได้เฉพาะรถยนต์ก็อาจต้องมาดูแบบใหม่ที่เป็นแบบแผงป้องกัน เหมือนด้านหน้าสถานฑูต เป็นต้น

ชายคลั่งบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ โดน 7 ข้อหา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต

 

ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งความดำเนินคดีทั้งหมด 7 ข้อหา ดังนี้

 

1.ใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใด กระทําการทำลายหรือทำให้เสียหายอย่างร้ายแรง ต่ออากาศยานหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของอากาศยาน

 

2.บุกรุก ด้วยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปในสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย

 

3.ทำให้เสียทรัพย์

 

4.พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

 

5.มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย

 

6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1

 

7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย


พ.ต.อ.จิรวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อวานผู้ต้องหาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจหาสารเสพติดในตัวผู้ต้องหา พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย เช้านี้เริ่มมีสติโต้ตอบ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในบางพลี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ช่วงปี 2557 เคยโดนจับยา 2 คดี ทั้งนี้ ตามกำหนดแล้วต้องส่งศาลวันพรุ่งนี้

 

สำหรับการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน มีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท