ข่าวโควิดวันนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน ทั้งจำนวนของผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน และผู้เสียชีวิต
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
โควิดระลอกที่ 4 จากโอมิครอน (Omicron) อยู่ในช่วงขาลงชัดเจน จำนวนผู้ป่วยหนักลดลงจากจุดสูงสุด 17-23% จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง 72-89% และผู้เสียชีวิตลดลง 51.9%
ไวรัสโอมิครอนมีลักษณะเหมือนกันทั่วโลกคือ มีการติดเชื้อที่ง่ายและรวดเร็วกว่าไวรัสทุกสายพันธุ์ที่ผ่านมา
จึงทำให้ระลอกนี้ของการติดโควิดทั่วโลก พบในลักษณะขึ้นเร็ว ขึ้นสูงมาก และลงเร็ว ซึ่งสร้างปัญหาอย่างมากให้กับระบบสุขภาพ มีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ควรจะเป็น
สำหรับประเทศไทย เพื่อรักษาระบบสุขภาพให้รองรับผู้ป่วยได้ดี ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตไม่มาก จึงเลือกวิธีให้จุดสูงสุดขึ้นช้ากว่าประเทศตะวันตก และก็จะลงช้ากว่าเช่นกัน
ในระลอกที่สี่ นับจากวันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นมา เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง พบชัดเจนว่าจุดสูงสุดของระลอกนี้อยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้นก็ลดลงอย่างชัดเจน
โดยสถิติที่มีความแม่นยำมากที่สุดในขณะนี้คือ จำนวนผู้ป่วยหนักที่มีปอดอักเสบ และผู้ป่วยหนักมากที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
โดยพบว่าผู้ป่วยปอดอักเสบ
ผู้ป่วยหนักมากใช้เครื่องช่วยหายใจ
ในขณะที่ผู้ติดเชื้อแบบ PCR
ผู้ติดเชื้อแบบ ATK
ทำให้ผู้ติดเชื้อรวม
กล่าวคือ ผู้ติดเชื้อที่มีการรายงาน ได้ลดลงจากจุดสูงสุด 72-89%
ในส่วนจำนวนผู้รักษาตัวอยู่ในระบบซึ่งประกอบด้วยโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม และการแยกกักที่บ้านนั้น
จุดสูงสุดคือ 259,126 ราย
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565
ลดลงเหลือ 97,672 ราย
ลดลง 62.3%
ผู้เสียชีวิต
จุดสูงสุด 129 ราย
เมื่อวันที่ 19,21 และ 23 เมษายน
ลดเหลือ 62 ราย
หรือลดลง 51.9%
เมื่อวิเคราะห์ในภาพรวม จะเห็นได้ว่า
แต่ตัวเลขที่น่าจะมีความแม่นยำมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ จำนวนผู้ป่วยหนักที่มีปอดอักเสบ และผู้ป่วยหนักมากที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
เพราะโควิดทุกรายที่ป่วยหนักจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้น ก็คงเข้ามาโรงพยาบาลเกือบทั้งหมด (ถ้าไม่เสียชีวิตไปเสียก่อน)
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนเดือนพฤษภาคม ก็ถือว่ามีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกับผู้ป่วยหนัก
เพียงแต่นับตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา ได้มีการแยกจำนวนผู้เสียชีวิตออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มผู้เสียชีวิตโดยตรงจากโรคโควิด และกลุ่มที่เสียชีวิตจากโรคร่วมแต่พบการติดเชื้อด้วย
จึงทำให้การเปรียบเทียบจำนวนผู้เสียชีวิตในเชิงร้อยละ ว่ามีการลดลงเท่าใด ไม่สามารถคำนวณเปรียบเทียบได้ นอกจากจะนำตัวเลขผู้เสียชีวิตที่รวมทั้งสองกลุ่มในปัจจุบันไปเทียบกับจุดสูงสุดเดิม ซึ่งคาดว่าก็จะลดลงน้อยกว่า 51.9%
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั้ง PCR และ ATK ล้วนแต่มีเหตุปัจจัยต่างๆที่ทำให้มีการตรวจลดลง เช่น
โควิดจากไวรัสโอมิครอน มีคนติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการถึง 50% ทำให้จำนวนผู้ที่จะมาตรวจ PCR ที่โรงพยาบาลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และผู้ติดเชื้ออีกครึ่งหนึ่งที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ ก็อาจจะไม่ได้ตรวจ ATK ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งที่ตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวก แต่ไม่ประสงค์จะรับยา ก็จะไม่มีสถิติรายงานเข้าสู่ระบบ
จึงทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็น PCR หรือ ATK มีค่าต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
จึงทำให้พอสรุปได้ว่า
คงจะต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป โดยทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตามบทบาทหน้าที่ที่สามารถทำได้ เพื่อให้สถานการณ์โควิด-19 (Covid-19) ของประเทศไทย ลดความรุนแรงลง ทั้งในมิติของผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิต