โควิดสายพันธุ์ใหม่ ยังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และจับตามองอย่างใกล้ชิด
หลังจากที่โควิด-19 (Covid-19) สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) แตกสายพันธุ์ย่อยออกมามากมาย
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
อัพเดตสถานะ Omicron สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5
ข้อมูลจาก de Oliveira T ระบุว่า ปัจจุบันสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้นั้น ได้กระจายไปอย่างน้อย 21 ประเทศทั่วโลกแล้ว
สมรรถนะการแพร่กระจายมีแนวโน้มเร็วกว่า BA.2 ที่ครองการระบาดทั่วโลกในขณะนี้
ส่วนเรื่องความรุนแรงของโรคนั้นคงต้องมีการติดตามผลการศึกษาวิจัยกันต่อไป
คนที่ได้รับ Sinopharm ไปสองเข็ม จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ทีมวิจัยจากประเทศจีน เผยแพร่ผลการศึกษาล่าสุดในวารสาร Cell Host & Microbes เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา
ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีน BBIBP-CorV หรือ Sinopharm 2 เข็มนั้นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับไวรัสโรคโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron BA.1, BA.1.1, BA.2 and BA.3 ได้
จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
สถานการณ์ของไทยเรานั้น การระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กระจายทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ทำงานที่มีคนมาก แออัดใกล้ชิด ทั้งที่ทำงานทั่วไป รวมถึงสถานพยาบาล สถานศึกษาที่มีการเปิดเรียนไปบ้างแล้ว และนำไปสู่การติดในสมาชิกครอบครัว
การใส่หน้ากากเสมอ เป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่ควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตร
17 พ.ค.นี้จะมีการเปิดเรียนในโรงเรียนต่างๆ คงต้องป้องกันให้ดี ผู้ปกครองควรพาเด็กๆ ที่อยู่ในวัยที่รับวัคซีนได้ไปฉีดให้ครบ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามทั้งคุณครู และผู้ปกครอง ควรสอนและฝึกลูกหลานให้มีความรู้และทักษะในการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอขณะไปเรียน หมั่นเช็คสุขภาพ อาการต่างๆ ทุกวัน และเตรียมแผนในการดูแลเวลาไม่สบายไว้ล่วงหน้าก็จะทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตได้ทันและมีประสิทธิภาพ
โควิด...ติด...ไม่ใช่แค่คุณ
โควิด...ติด...ไม่จบที่หาย แต่ป่วยได้ ตายได้ และที่สำคัญคือจะเกิดภาวะ Long COVID (ลองโควิด) ซึ่งบั่นทอนคุณภาพชีวิต และสมรรถนะการดำรงชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน และเป็นภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศในระยะยาว
ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด