จากปัญหาโรคไข้เลือดออก ซึ่งถือว่า เป็นปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากประเทศอยู่ในภูมิภาคเขตร้อนชื้นโดยพบผู้ป่วยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย ด้วยเหตุนี้ ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บูรไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา จึงมีมติร่วมกัน กำหนดให้ทุกวันที่ 15 มิถุนายนของทุกปี เป็น "วันไข้เลือดออกอาเซียน" ( ASEAN Dengue Day) เพื่อร่วมมือรณรงค์ไปด้วยกัน
สำหรับประเทศไทย ข้อมูลล่าสุด กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เผยแพร่พยากรณ์โรคภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. 2565 คาดว่า ช่วงเวลานี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน โดยระบุว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 18 พ.ค. 2565 พบผู้ป่วยจำนวน 1,952 ราย เสียชีวิต 2 ราย
กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุดไล่เรียงตามลำดับ
5 จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในช่วงต้นปี 2565 จะมีตัวเลขน้อยกว่าปี 2564 แต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลับพบว่า จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและสูงกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
เมื่อฝนตกลงมาจะมีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ประกอบกับเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาต่างๆ ทำให้มีการรวมตัวของเด็กนักเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการระบาดของโรคได้ จึงขอแนะนำให้ประชาชนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้านและโรงเรียนทุกแห่ง
สำหรับปีนี้กระทรวงสาธารณสุข ชวนคนไทยร่วมกิจกรรมรณรงค์ วันไข้เลือดออกอาเซียน ปี 2565 (ASEAN Dengue Day) ในวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ผ่านทาง Facebook live page กรมควบคุมโรค ได้ตั้งแต่เวลา 11.00 - 14.30 น. ภายในกิจกรรมประกอบด้วย
จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ภายใต้คำขวัญ "นวัตกรรมก้าวไกล ร่วมหยุดภัยไข้เลือดออก" โดยใช้ Key Message 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค (โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา) ดังนี้
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนหรือบุตรหลานหากพบว่า มีอาการไข้สูงลอย ให้รับประทานยาลดไข้ หากทานแล้วไข้ไม่ลด หรือไข้ลดแล้วกลับมาสูงอีก ร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว และแขน ขา ให้สันนิษฐานว่า เป็นโรคไข้เลือดออก
ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพริน และไอบูโพรเฟน นอกจากนี้ หากมีอาการ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้องร่วมด้วย อาจป่วยร่วมกันระหว่างโรคไข้เลือดออก กับโรคโควิด 19 จะทำให้มีอาการทรุดหนักได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เมื่อมีอาการสงสัยให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจน จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม และจะช่วยลดความรุนแรงของการเสียชีวิตได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422