วันที่ 14 ก.ค. ศ.ดร.สมบูรณ์ สุขสำราญ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึง กรณีกรณีเมื่อวันที่ 5ก.ค.2565 ได้มีการประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อพิจารณาระเบียบวาระเเต่ปรากฎว่าผู้ช่วยอธิการบดี10คน ทำหนังสือถึงอุปนายกสภามหาวิทยาลัยทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง
เพื่อทวงถาม กรณีสภามหาวิทยาลัยชะลอการแต่งตั้งรองอธิการบดี 30คน ตามที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำเเหง เสนอ
ทำให้กลุ่มบุคคลข้างต้นไม่มีโอกาสตำรงตำแหน่งรองอธิการบดี จึงขอเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งรองอธิการบดีทั้ง 30คน มิเช่นนั้น ผู้ร้องขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับสภามหาวิทยาลัยนั้น
ศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวว่า ในวันนั้น ในฐานะอุปนายกสภามหาวิทยาลัย ทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย เเละประธานในที่ประชุม ได้อธิบายให้ที่ประชุมทราบว่า เหตุที่สภามหาวิทยาลัยยับยั้งการแต่งตั้งรองอธิการบดี 30คนไปเมื่อวันที่ 25เม.ย.2565พบว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ไม่เคยนำเรื่องนี้กลับเข้าสู่ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอีกเลย
เเละสภามหาวิทยาลัยชี้เเจงแล้วว่า การแต่งตั้งรองอธิการบดี30คน จะทำให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีรองอธิการบดีที่แต่งตั้งใหม่รวมกับที่แต่งตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้รวมทั้งสิ้น 42 คน ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ศ.ดร.สมบูรณ์กล่าวอีกว่า การที่อธิการบดีไม่ได้นำเรื่องกลับมาอีกเป็นดุลพินิจของอธิการบดี สภามหาวิทยาลัยไม่ได้ขัดขวางการแต่งตั้งแต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและสภามหาวิทยาลัยคำนึงถึงผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ ดังนั้น หากกลุ่มอาจารย์ดังกล่าวต้องการเป็นรองอธิการบดีก็ควรหารือกับอธิการบดีเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้วิธีเรียกร้องสภามหาวิทยาลัยอย่างไร้เหตุผล
"การกระทำกับสภามหาวิทยาลัยเช่นนี้มีแต่จะสร้างความแตกแยกและไม่ใช่วิสัยที่วิญญูชนกระทำ "อุปนายกสภามหาวิทยาลัยกล่าวเเละว่าที่ประชุมมีมติส่งเรื่องดังกล่าวให้อธิการบดีชี้แจงให้กลุ่มผู้ช่วยอธิการบดีดังกล่าวเข้าใจและให้คณะกรรมการจรรยาบรรณของมหาวิทยาลัยพิจารณาว่าการเรียกร้องของคณาจารย์กลุ่มนี้ ผิดจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์หรือไม่และรายงานให้สภามหาวิทยาลัยทราบต่อไป"ศ.ดร.สมบูรณ์กล่าว