7 ส.ค. 2565- จากกรณี กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศสภาพอากาศล่าสุด โดยระบุ ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น
7-9 สิงหาคม ฝนตกหนักทุกภาค
จะส่งผลให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นอกจากนี้ บริเวณทะเลอันดามันตอนบน คลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
มหาดไทย แบ่งพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วม
ล่าสุด พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ได้กำหนดพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฯ ในห้วงระหว่างวันที่ 7 - 9 ส.ค. 65 แบ่งเป็น
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง
ภาคเหนือ
ภาคกลาง
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง
ภาคใต้
“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ รวมทั้งลดผลกระทบจากสถานการณ์ฯ อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ และข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ กำลังพล ให้พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยหากประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าจะเกิดสถานการณ์ หรือสถานการณ์ขยายวงกว้าง ให้มอบหมายบุคลากร ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และประสานด้านข้อมูลกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง”
น้ำไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา เตือนประชาชน ผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า ในห้วงวันที่ 7 - 11 ส.ค. 65 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทำให้มีน้ำท่าไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจนถึงประมาณกลางเดือน ส.ค. 65
กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอย่างเหมาะสม ด้วยการปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จึงได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เตรียมพร้อมป้องกัน รับมือ และลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร
รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำ บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) ให้เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 65 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง