ประวัติ “พิ้งกี้ สาวิกา” จากดาวเด่นวงการบันเทิงสู่ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่

19 ส.ค. 2565 | 01:08 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2565 | 08:33 น.

“พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ดาราสาวชื่อดังกลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่  Forex-3D พร้อมมารดาและพี่ชาย ศาลระบุเป็นคดีฉ้อโกงร้ายแรง มีโทษสูง จึงไม่ให้ประกันตัว ดาราสาวโดนส่งเข้าทัณฑสถานทันที! เรามาย้อนดูประวัติของ "พิ้งกี้" ก่อนจะมาถึงวันนี้

ถือเป็นข่าวช็อกวงบันเทิงเมื่อ สาวิกา ไชยเดช หรือ “พิ้งกี้” ดาราสาวชื่อดังที่เข้าสู่วงการเป็นที่รู้จักตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ตกเป็นข่าวใหญ่สะท้านสะเทือนทั้งวงการบันเทิงและวงการแชร์ลูกโซ่ เมื่อพิงกี้พร้อมด้วยคุณแม่ “สรินยา” หรือแม่อ้อย และพี่ชาย (นายกิตติเชษฐ์ หรือ สายุทธ ไชยเดช) ตกเป็นผู้ต้องหา คดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D วานนี้ (18 ส.ค.) และศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว พิ้งกี้รวมถึงคุณแม่และพี่ชาย ต้องถูกนำตัวเข้าเรือนจำทันที โดยพิ้งกี้และคุณแม่ถูกส่งเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจาก “ศาลฯพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ข้อหามีอัตราโทษสูง ค่าเสียหายตามฟ้องมีจำนวนมาก กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว จำเลยอาจหลบหนีได้”

 

ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาของพิ้งกี้ และบุคคลในครอบครัวนั้น คือการร่วมกันหลอกลวงโดยการโฆษณาชักชวนต่อประชาชนทั่วไปให้เข้าร่วมลงทุนกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ www.forex-3D.com และแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กในชื่อบัญชี "Apiruk Krub" "Apiruk Kothi" และ "Forex-3D" ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex) แต่สุดท้ายมีหลักฐานว่าการดำเนินการดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชน มีผู้เสียหายจำนวน 9,824 คน และมูลค่าความเสียหายรวม 2.4 พันล้านบาท

สาวิกา "พิ้งกี้" ไชยเดช

 

พิ้งกี้ ซึ่งตกเป็นจำเลยที่2 รองจากพี่ชาย (จำเลยที่1) จึงเจอ 3 ข้อหา ได้แก่

  • ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
  • ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
  • และร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน

จากดาราเด็กสู่ดาวจรัสแสง แต่ชีวิตก็ไม่เคยง่าย   

เรามาย้อน ประวัติของ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ก่อนจะเดินทางมาถึงจุดที่เป็นผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ในทัณฑสถานหญิง

 

"พิ้งกี้" สาวิกา ไชยเดช เกิดที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2529 ปัจจุบันอายุ 36 ปี เธอเข้าสู่วงการแสดงตั้งแต่ยังเด็กโดยได้รับความสนับสนุนจากคุณแม่ มีผลงานทั้งทางละคร เพลง และภาพยนตร์ทั้งในไทยและในประเทศอินเดียที่เธอเคยเดินทางไปทำงานอยู่ระยะหนึ่ง ครอบครัวของเธอนับถือศาสนาอิสลาม พิ้งกี้เป็นบุตรคนเล็กที่มีรูปลักษณ์งดงาม จากการที่มีหลากหลายเชื้อสาย คือไทย อังกฤษ จีน มอญ และปากีสถาน เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า คุณพ่อของเธอ (สมาน ไชยเดช) เป็นมุสลิมที่มีเชื้อสายจีน

 

พิ้งกี้เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ โดยได้รับการชักชวนจากแมวมองขณะเดินเล่นกับครอบครัวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง ผลงานชิ้นแรกคือการถ่ายโฆษณาสินค้า โซนีไตรนิตรอน จากนั้นก็มีผลงานโฆษณาอีกหลายชิ้น ก่อนจะเริ่มงานละครทางช่อง 3 เรื่อง "ไฟในดวงตา" รับบทเป็นลูกของจันทร์จิรา จูแจ้ง ต่อมาก็เล่นละครกับทางช่อง 7 เรื่องแรกคือ "วันนี้ที่รอคอย" ส่วนละครที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างเปรี้ยงปร้างเรื่องแรกคือ “ดาวพระศุกร์” โดยเธอรับบทเป็นดาวพระศุกร์วัยเด็ก

 

หลังจากนั้น พิ้งกี้ก็มามีผลงานเพลงในปี พ.ศ. 2543 สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยออกอัลบั้มเพลงแนวป็อป วง "บั๊ก บันจี้" (Bug Bunji) กับเพื่อนอีก 3 คน คือวนัสนันท์ ธรรมบูรณะวงษ์, ธัชชา พุ่มอ่อน และเจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง พิ้งกี้มีความสามารถทั้งด้านการร้องเพลงและการเต้น เป็นที่ประจักษ์

ในปี 2544 เธอกลับมาเล่นละครเรื่อง "ปิ่นไพร" จากนั้นมีผลงานเรื่อง "กษัตริยา" รับบทมณีอินทร์ มเหสีของพระเอกาทศรถ และยังมีละคร "น้องเหมียวเขี้ยวเพชร"

 

จุดเปลี่ยนครั้งแรกของชื่อเสียง

หลังจากเกิดปัญหาพิพาทเรื่องความสัมพันธ์กับสัญชัย เองตระกูล (สามีของธัญญาเรศ เองตระกูล) ช่วงปี พ.ศ. 2553 เธอห่างหายจากผลงานละครในไทย และถูกสื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า "อีพิ้งคนเริงเมือง" และ "ส่าหรีลี้รัก" เนื่องจากเธอหลีกเร้นจากข่าวฉาวในไทยแล้วหันไปมีผลงานในวงการภาพยนตร์ของอินเดียระยะหนึ่ง มีผลงานเรื่อง Markandeyan จนในปี พ.ศ. 2555 เธอได้กลับมาแสดงละครไทยอีกครั้ง โดยรับบทนางเอกในละครเรื่อง ทองประกายแสด และจากนั้นก็พลิกบทบาท รับเป็นนางร้ายครั้งแรกในละครเรื่อง มารยาริษยา

 

ในเดือนพฤษภาคม 2561 พิ้งกี้และธัญญาเรศได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในงาน "เที่ยวให้สุด ปักหมุดแดนใต้" ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งสองกล่าวว่าได้อโหสิกรรมต่อกันและไม่มีเรื่องหมางใจกันอีกต่อไป

พิ้งกี้และคุณแม่

ชีวิตไม่ง่าย การสมรสแสนหวานที่จบด้วยการหย่าร้าง

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช สมรสกับอิทธิ ชวลิตธำรง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ย่านพัทยา ตามธรรมเนียมศาสนาอิสลาม แต่สามีของเธอไม่ได้เปลี่ยนศาสนา ภายหลังทั้งสองหย่าร้างกันช่วงต้นเดือนตุลาคม 2560 โดยที่ไม่มีบุตรด้วยกัน

 

แต่ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป เธอกลับมาสู่วงการบันเทิงอีกครั้งในฐานะนักแสดงอิสระ และหนึ่งในผลงานที่สร้างความประทับใจทำให้ผู้ชมหันมาชื่นชมทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์-ความงามของเธอที่หลายคนบอกว่า สวยไม่แพ้นางเอก และอันที่จริงเธอยังเป็นนางเอกได้อย่างสบาย ๆ นั่นคือละครเรื่อง “ให้รักพิพากษา Dare To Love” ของค่ายชลลัมพี โปรดักชั่น ออกฉายทางช่อง 33 HD ที่เธอรับบทนักกฎหมาย

 

เสียงชื่นชมยังดังกระหึ่มอีกครั้งเมื่อเธอไปออกรายการ The Wall Song ร้องข้ามกำแพง ออกอากาศในเดือน ธ.ค. 2564 โดยเธอร้องเพลง I Feel Good ของศิลปินระดับตำนานอย่างเจมส์ บราวน์ (James Brown) ร่วมกับนักร้องหลังกำแพงอย่างบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ศิลปินเจ้าของฉายาเจ้าพ่อดิสโก้ ครั้งนั้น “พิ้งกี้”ได้รับเสียงชื่นชมในความสามารถด้านการร้องเพลงที่ทรงพลัง รวมทั้งลีลาที่ชวนให้สนุกสนาน คึกคักตามท่วงทำนองได้อย่างยอดเยี่ยม

 

วันนี้ สาวิกา “พิ้งกี้” ไชยเดช กำลังเผชิญข้อหาฉกรรจ์อยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง มีผู้เสียหายจำนวน 9,824 คน และมูลค่าความเสียหายรวม 2.4 พันล้านบาท เราอาจจะไม่ได้เห็นเธอในแง่มุมด้านความบันเทิงไปอีกนาน