วันที่ 31 สิงหาคม 2565 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ออกประกาศเรื่อง เฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา สืบเนื่องมาจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์จะมีฝนตกหนัก ในช่วงวันที่ 3 – 8 กันยายน 2565 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากฝนคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 2,000 - 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 1,800 – 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.40 – 0.50 เมตร ในช่วงวันที่ 1 - 10 กันยายน 2565 บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมรับมือ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ อาทิ ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า
เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที และ ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ขณะที่กรมชลประทาน ได้ทำการปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา หลังน้ำเหนือยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากฝนที่ตกชุกสะสมต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของภาค พร้อมเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทยให้เร็วที่สุด
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีฝนตกหนักพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนบริเวณจังหวัดลำปาง เเพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มยังคงเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นกรมชลประทาน ได้พิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ยังคงเดินหน้าเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนที่คาดว่า จะไหลลงมาอีกในระยะต่อไป ขณะเดียวกันได้เเจ้งให้เกษตรกรพื้นที่ลุ่มต่ำเพาะปลูกข้าวนาปีที่มีอายุข้าวครบกำหนด ให้เร่งดำเนินการเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จตามแผน เป็นการลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายในช่วงฤดูน้ำหลาก
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน (31 ส.ค. 65) เวลา 06.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,846 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที (วานนี้ 1,762 ลบ.ม./วินาที) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.65 เมตร แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ก่อนปริมาณน้ำนี้จะไหลไปรวมกับน้ำที่มาจากเเเม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขา ลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งกรมชลประทาน จะทยอยปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่เวลา 13.00 น. วันนี้ (31 ส.ค. 65) ไปจนถึงเกณฑ์ 1,800 ลบ.ม./วินาที เวลาประมาณ 11.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย. 65) โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ได้แก่
โดยระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 20 เซนติเมตร จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด