thansettakij
ระเบียบใหม่ เยียวยาเหยื่อผู้ถูกทรมาน-สูญหาย สูงสุด 5 แสนบาท

ระเบียบใหม่ เยียวยาเหยื่อผู้ถูกทรมาน-สูญหาย สูงสุด 5 แสนบาท

22 มี.ค. 2568 | 10:38 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2568 | 10:59 น.

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบช่วยเหลือผู้เสียหายจากการทรมานและการสูญหาย รับเงินทันที 1-5 แสนบาท พร้อมฟื้นฟูร่างกาย-จิตใจ ยื่นคำของ่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ได้ออกระเบียบใหม่ว่าด้วยการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้เสียหาย พ.ศ. 2568 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป โดยมีพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เป็นผู้ลงนาม

 

ระเบียบฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้เสียหายจากการถูกทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยครอบคลุมทั้งการเยียวยาด้านการเงิน การฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและสังคม รวมถึงการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

สาระสำคัญของระเบียบใหม่

 

1. การให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

 

ระเบียบกำหนดให้ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือในอัตรา ดังนี้

 

  • กรณีถูกกระทำทรมาน ตามมาตรา 5 จำนวนห้าแสนบาท
  • กรณีถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามมาตรา 6 จำนวนตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนห้าหมื่นบาท
  • กรณีถูกกระทำให้สูญหาย ตามมาตรา 7 จำนวนห้าแสนบาท

 

นอกจากนี้ สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยาที่มิได้จดทะเบียนสมรส ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะของผู้ถูกกระทำให้สูญหาย และเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำให้สูญหาย จะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งแสนบาท

2. การช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่มิใช่ตัวเงิน

 

ระเบียบยังกำหนดให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการสามารถกำหนดให้ผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่มิใช่ตัวเงิน ได้แก่

  • การทำให้กลับสู่สภาพเดิมเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น การประสานงานเพื่อให้คืนสิทธิและเสรีภาพ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง การกลับสู่ถิ่นที่อยู่
  • การฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ เช่น การประสานให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์
  • การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและสังคม เช่น การให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายในการดำเนินคดี การฝึกหรือเพิ่มทักษะในการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ
  • การป้องกันการกระทำผิดซ้ำ เช่น การประสานงานเพื่อมิให้ผู้เสียหายต้องถูกกระทำทรมานหรือถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือถูกกระทำให้สูญหายซ้ำ
  • การประสานงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิดหรือหน่วยงานของรัฐที่ผู้นั้นสังกัดขอโทษผู้เสียหายโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ

 

3. ขั้นตอนการยื่นคำขอรับความช่วยเหลือ

 

ผู้เสียหายหรือผู้มีสิทธิสามารถยื่นคำขอรับความช่วยเหลือโดยระบุข้อมูลและแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ได้ที่

  • กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (สำหรับในกรุงเทพมหานคร)
  • สำนักงานยุติธรรมจังหวัด (สำหรับในจังหวัดอื่น)
  • สถานที่อื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

 

นอกจากนี้ การยื่นคำขอสามารถทำผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดได้ด้วย

 

บุคคลต่อไปนี้สามารถยื่นคำขอแทนผู้เสียหายได้

  • ผู้แทนโดยชอบธรรม (กรณีผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์)
  • ผู้อนุบาล (กรณีผู้เสียหายเป็นผู้ไร้ความสามารถ)
  • ผู้สืบสันดาน ผู้บุพการี คู่สมรส หรือผู้อุปการะหรือผู้อยู่ในอุปการะของผู้เสียหาย
  • บุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือในกรณีที่ผู้เสียหายมีเหตุจำเป็น เช่น เจ็บป่วยจนไม่สามารถมายื่นคำขอด้วยตนเองได้ เป็นผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ หรือบุคคลทุพพลภาพไม่สะดวกในการเดินทาง เป็นต้น

 

4. กระบวนการพิจารณาคำขอและการอุทธรณ์

 

เมื่อรับคำขอแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสาร โดยสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งให้แก้ไขเอกสารให้ครบถ้วนได้ จากนั้นจะดำเนินการวิเคราะห์และจัดทำรายงานพร้อมความเห็นเสนอต่อเลขานุการคณะอนุกรรมการ ซึ่งคณะอนุกรรมการจะพิจารณาและมีคำวินิจฉัยโดยเร็ว

 

ในกรณีที่ผู้เสียหายไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

 

5. มาตรการป้องกันการทุจริต

 

ระเบียบได้กำหนดมาตรการป้องกันการทุจริต โดยหากผู้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือได้ให้ถ้อยคำหรือแสดงเอกสารหรือหลักฐานอันเป็นเท็จ คณะอนุกรรมการหรือคณะกรรมการอาจยกเลิกการอนุมัติการช่วยเหลือและเรียกคืนเงินช่วยเหลือจากบุคคลนั้นได้ หากไม่คืนเงิน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพอาจดำเนินคดีกับบุคคลนั้นต่อไป

 

การเชื่อมโยงกับระบบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

ระเบียบนี้ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เพื่อให้มีกลไกที่ชัดเจนในการเยียวยาผู้เสียหาย สร้างความเป็นธรรมและความรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง

 

รวมทั้งส่งเสริมให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ

 

 

อ่านรายละเอียดระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ว่าด้วยการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้เสียหาย พ.ศ. ๒๕๖๘