สรุปตัวเลขสำคัญ ครบ 7 วัน "แผ่นดินไหวเมียนมา 8.2" สะเทือนไทย

04 เม.ย. 2568 | 06:50 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2568 | 07:46 น.

สรุปตัวเลขความเสียหายที่สำคัญ ครบรอบ 7 วัน "แผ่นดินไหว 8.2" เมื่อ 28 มี.ค.68 ในเมียนมาและประเทศไทย ที่มีทั้งผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ บ้านเรือน-อาคาร-โรงเรียน-โรงพยาบาลพัง และ 79 ชีวิตยังสูญหาย

ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อเวลา 13.20 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 ไม่มีใครคาดคิดว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษกำลังจะเกิดขึ้น แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ ได้กระทบพื้นที่ในประเทศเมียนมา ส่งคลื่นความสั่นสะเทือนข้ามพรมแดนมาถึงไทย ทำให้อาคารสูงในกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัดสั่นไหว ภายในไม่กี่นาที 

 

ภาพความเสียหายในประเทศเมียนมา (ที่มา สำนักข่าวซินหัว)

 

วันนี้ วันศุกร์ที่ 4 มี.ค.68 ครบรอบ 1 สัปดาห์หลังเหตุการณ์มหันตภัยที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3,000 ชีวิตในเมียนมา และอีกกว่า 20 ชีวิตในไทย นับเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในประวัติศาสตร์

ภาพอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่พังถล่มลงมาจนกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียและความพยายามของเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ยังคงค้นหาผู้สูญหายอย่างไม่ย่อท้อแม้จะผ่านไปแล้ว 7 วันเต็ม โดยมีความหวังการพบผู้รอดชีวิต

 

ฐานเศรษฐกิจ สรุปตัวเลขสำคัญจากความเสียหายและการสูญเสียจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ ทั้งในเมียนมาและประเทศไทย ดังนี้ 

 

ความเสียหายในประเทศเมียนมา

 

จากรายงานล่าสุด สำนักข่าวซินหัว ของจีน อ้างอิงข้อมูลจากสถานีวิทยุและโทรทัศน์เมียนมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 เผยตัวเลขความสูญเสีย

  • ผู้เสียชีวิต: 3,003 ราย
  • ผู้บาดเจ็บ: 4,515 ราย
  • ผู้สูญหาย: 351 ราย

ผลกระทบในประเทศไทย

 

ข้อมูลรวมทั่วประเทศจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อเย็นวันที่ 3 เม.ย. 68 ระบุว่า 

  • จังหวัดที่รับรู้แรงสั่นไหว: 63 จังหวัด
  • จังหวัดที่ได้รับความเสียหาย: 18 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร
  • พื้นที่ได้รับผลกระทบ: 136 อำเภอ 432 ตำบล 832 หมู่บ้าน
  • ผู้เสียชีวิต: 22 ราย
  • ผู้บาดเจ็บ: 36 ราย (กรุงเทพมหานคร 35 ราย, นนทบุรี 1 ราย)
  • ความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้าง
    • บ้านเรือนประชาชน: 1,361 หลัง
    • วัด: 89 แห่ง
    • โรงพยาบาล: 166 แห่ง
    • โรงเรียน: 114 แห่ง
    • สถานที่ราชการ: 61 แห่ง
    • อาคารอื่นๆ: 24 แห่ง

 

สรุปตัวเลขสำคัญ ครบ 7 วัน "แผ่นดินไหวเมียนมา 8.2" สะเทือนไทย

 

สถานการณ์ในกรุงเทพมหานคร

 

ยอดผู้เสียชีวิตแยกตามเขต (รวม 22 ราย)

  • เขตจตุจักร: 15 ราย
  • เขตบางซื่อ: 1 ราย
  • เขตคันนายาว: 1 ราย
  • เขตบางกะปิ: 1 ราย
  • เขตวัฒนา: 1 ราย
  • เขตราชเทวี: 1 ราย
  • เขตปทุมวัน: 1 ราย
  • เขตห้วยขวาง: 1 ราย

 

ยอดผู้บาดเจ็บในกรุงเทพฯ (รวม 35 ราย)

  • เขตจตุจักร: 19 ราย
  • เขตบางซื่อ: 4 ราย
  • เขตดินแดง: 4 ราย
  • เขตบางรัก: 3 ราย
  • เขตพญาไท: 2 ราย
  • เขตวัฒนา: 1 ราย
  • เขตบางนา: 1 ราย

 

สถานการณ์ตึกถล่ม สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

 

การค้นหาผู้สูญหายยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2568 เวลา 05:30 น.:

  • ผู้สูญหายที่ได้รับแจ้ง: 103 ราย
  • มารายงานตัวแล้ว: 1 ราย
  • บาดเจ็บและรักษาตัว: 8 ราย
  • ผู้เสียชีวิตที่พบแล้ว: 15 ราย (เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 14 ราย, เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย)
  • ยังคงค้นหาผู้สูญหายอีก: 79 ราย

 

สรุปตัวเลขสำคัญ ครบ 7 วัน "แผ่นดินไหวเมียนมา 8.2" สะเทือนไทย

 

การตรวจสอบความเสียหายอาคาร

 

ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ศรต.ยผ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รายงานผลการตรวจสอบอาคารที่มีการแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน 2568 ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด โดยแบ่งอาคารออกเป็น 3 กลุ่ม:

  • ผลการตรวจสอบอาคาร (รวมทั้งสิ้น 4,431 อาคาร)
  • อาคารที่สามารถใช้งานได้ปกติ (สีเขียว): 4,137 อาคาร
  • อาคารที่มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้ (สีเหลือง): 258 อาคาร
  • อาคารที่โครงสร้างมีความเสียหายอย่างหนัก สั่งระงับการใช้งาน (สีแดง): 36 อาคาร

 

การแบ่งกลุ่มอาคารในการตรวจสอบ

  • อาคารกลุ่มที่ 1: อาคารภาครัฐ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน อาคารราชการ
  • อาคารกลุ่มที่ 2: อาคารสูง โรงแรม คอนโดมิเนียม หอพัก ห้างสรรพสินค้าที่เป็นของภาคเอกชน
  • อาคารกลุ่มที่ 3: อาคารบ้านพักอาศัย ตึกแถว ห้องแถว และอาคารทั่วไป

 

แผ่นดินไหวครั้งนี้นับเป็นบทเรียนราคาแพงที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ การบังคับใช้มาตรฐานความปลอดภัยอาคารอย่างเข้มงวด และการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ

 

ขณะที่การค้นหาผู้สูญหายและการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยยังคงดำเนินต่อไป ภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วนคือการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันความสูญเสียในอนาคต