วันนี้ (8 ก.ค.65) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 10/2565
ศบค.เห็นชอบปรับเปลี่ยนวัคซีนไฟเซอร์
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 วัคซีน AstraZeneca เห็นชอบปรับเปลี่ยนวัคซีนไฟเซอร์ที่รอรับมอบ
วัคซีน AstraZeneca
• ปรับลดการจัดซื้อวัคซีน AZ จากเดิม 60 ล้านโดส กรอบวงเงิน 18,762.5160 ล้านบาท
• เป็นการจัดซื้อวัคซีน AZ จํานวน 35.4 ล้านโดส กรอบวงเงิน 11,069,8845 ล้านบาท
• เปลี่ยนวัคซีนบางส่วนเป็นภูมิคุ้มกันสําเร็จรูป (Long-acting antibody : LAAB) จํานวน 257,500 โดส
กรอบวงเงิน 7,569.2228 ล้านบาท
• รับมอบวัคซีน AstraZeneca ไปแล้ว 8.3 ล้านโดส ดังนั้นเหลือการรับมอบวัคซีน Astrazeneca 27.1 ล้านโดส
วัคซีน Pfizer
• เหลือการรอรับมอบ จํานวน 3.6 ล้านโดส (รับมอบแล้ว 26.4 ล้านโดส)
• พิจารณาปรับเป็นวัคซีน Pfizer (Maroon cap) สําหรับฉีดในกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 6 เดือน ถึงอายุน้อยกว่า 5 ปี จํานวน 3 ล้านโดส
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 10/2565 ช่วงหนึ่งว่า นายกฯกล่าวว่า เรื่องวัคซีนถือเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของประเทศไทยในการเอาชนะหรือพยายามที่จะอยู่กับโควิดให้ได้ การฉีดวัคซีนแม้จะยังไปไม่ถึงเป้าหมาย ต้องฝากให้ทุกคนให้ความร่วมมือ
ในที่ประชุมนำเสนอชุดข้อมูลว่า คนสูงอายุได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพียงแค่ 47.1% เด็กอายุ 12-17 ปี ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ได้เพียง 20.5%
กรณีที่มีข่าวว่ามีระบาดในโรงเรียน นายกฯให้ความสำคัญเรื่องการติดเชื้อในโรงเรียน ทำให้มีมาตรการในการปิดและสอนออนไลน์ ซึ่งเป็นมาตรการของการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯอยากให้กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดต่างๆเข้ามาดูแลใกล้ชิด ให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง ทั้งคำแนะนำจากกรมควบคุมโรค กรมอนามัย
ทำไมไม่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
"ทำไมผู้สูงอายุไม่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จากข้อมูลการทำโพลของกรมควบคุมโรค 34.8% บอกว่าฉีดพอแล้ว 20.5 บอกว่ารอฉีด 19.2% บอกว่ากลัวอันตราย 16.7% บอกว่า เพิ่งหายป่วยจากโควิด 8.8% อื่นๆ เช่น ตั้งครรภ์ไม่อยากฉีด เมื่อถามว่าจะฉีดไหม 31.2 บอกว่าจะฉีด ไม่แน่ใจ 33.9% และไม่ฉีด 34.39%"
ส่วนแผนการการจัดซื้อ/จัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับมอบแล้วมีทั้งหมด 169.76 ล้านโดส ซึ่งมีการกระจายไปทั่วทุกที่ในประเทศไทย ทางภาครัฐจะส่งเสริมและจัดหาวัคซีนเข้ามาให้เพียงพอ ณ ตอนนี้เพียงพอแน่นอน
การวิเคาะห์ประสิทธิผลวัคซีน ฉีด 4 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ 76% และป้องกันการป่วยหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตได้ 96%