นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ที่มีมาตรการผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถสวมหน้ากากอนามัยโดยความสมัครใจ โดยปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กองสุขศึกษาจึงได้ทำการสำรวจการเฝ้าระวังการตัดสินใจ ต่อมาตรการปลดล็อกการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 17 – 30 มิถุนายน 2565 ผ่านระบบออนไลน์ พบว่า ประชาชนร้อยละ 36.3 เลือกจะสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม ขณะที่ประชาชนร้อยละ 62.8 เลือกถอดหน้ากากอนามัยบางพื้นที่ ส่วนประชาชนร้อยละ 0.9 เลือกไม่สวมหน้ากากอนามัยเลย
ทั้งนี้ ยังคงมีประชาชนที่เลือกถอดหน้ากากอนามัย ในบางสถานที่หรือบางสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยง ดังนี้
1.ในสถานบริการ สถานบันเทิง ร้อยละ 12.53
2.ในโรงภาพยนตร์ ร้อยละ 10.35
3.ในห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 9.79
4.ในตลาด ร้อยละ 8.95
5.ในขนส่งสาธารณะ ร้อยละ 8.78
จากผลสำรวจพบว่าประชาชนไม่สวมหน้ากากในสถานบริการ สถานบันเทิง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 จากการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และหากใช้แก้วน้ำในการดื่มเครื่องดื่มร่วมกันจะแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ได้มากเช่นกัน
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ถึงแม้มีการผ่อนคลายมาตรการให้สวมและถอดหน้ากากตามความสมัครใจ ซึ่งสถานการณ์โควิด 19 ขณะนี้ยังทรงตัวและอาจมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จึงขอแนะนำให้ประชาชนยังคงป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก รวมทั้งสถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท
สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการหรือใกล้ชิดบุคคล ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น และเคร่งครัดมาตรการป้องกันการติดโรคโควิด 19 ขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention : UP) โดยเฉพาะล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงควรตรวจด้วย ATK คัดกรองเบื้องต้น ทุก 3 - 5 วัน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงและการแพร่กระจายไปยังกลุ่มเพื่อน และในครอบครัวต่อไป