รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ
สรุปความรู้ปัจจุบันเรื่อง Omicron (โอมิครอน) BA.5
ไม่ว่าจะเคยติดเชื้อสายพันธุ์ก่อนๆ มาแล้วก็ตาม
ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนมาแล้วก็ตาม
จะพบว่ามีโอกาสป้องกันการติดเชื้อ Omicron BA.4 BA.5 และ BA.2.12.1 ได้น้อย
เพราะการดื้อต่อภูมิคุ้มกันของสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้ และภาวะการจดจำร่องรอยการติดเชื้อเก่าของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่เรียกว่า Antigenic Sin
ดังนั้น การป้องกันตัวระหว่างดำรงชีวิตประจำวันจึงสำคัญมาก
ใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ
หมอธีระยังโพสต์ด้วยว่า
อัพเดตความรู้สำคัญเรื่อง Long COVID
ทีมวิจัยจาก Yale School of Medicine นำโดย Prof.Iwasaki ได้เผยแพร่ผลการศึกษาสำคัญเรื่อง Long COVID ใน medRxiv เมื่อวานนี้ 10 สิงหาคม 2565
หากเราจำกันได้ ความรู้ในช่วงที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่ามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวนมากทั่วโลก ที่ประสบปัญหาอาการผิดปกติเรื้อรังยาวนาน Long COVID เกิดขึ้นที่หลากหลายระบบในร่างกาย กระทบทั้งสมรรถนะทางกาย จิตใจ/อารมณ์
และเคยมีการศึกษามากมายชี้ให้เห็นสมมติฐานที่อธิบายสาเหตุของ Long COVID ว่า อาจเกิดจากเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ที่ถูกทำลายจากการติดเชื้อ (tissue damage from infection), การเสียสมดุลของเชื้อโรคในร่างกายจนนำไปสู่การทำงานของระบบต่างๆ ผิดปกติ (Dysbiosis), การทำให้เกิดภูมิต่อต้านตนเอง (Autoantibodies), และการมีภาวะติดเชื้อแบบถาวร (Persistent infection)
ล่าสุดงานวิจัยของทีมงานมหาวิทยาลัย Yale ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนสุขภาพดี (HC) กลุ่มคนที่เคยมีประวัติติดเชื้อโรคโควิด-19 มาก่อน (CC) และกลุ่มคนที่มีภาวะ Long COVID (LC)
สาระสำคัญที่ค้นพบคือ
หนึ่ง ลักษณะของภูมิคุ้มกันแอนติบอดี้และภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ที่เกิดขึ้นนั้น ชี้ให้เห็นว่า คนที่มีปัญหา Long COVID มีลักษณะภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ โดยมีแนวโน้มว่าจะเกิดจากการที่ถูกกระตุ้นจากเชื้อหรือชิ้นส่วนของเชื้ออย่างต่อเนื่องเรื้อรัง
สิ่งที่พบนี้ชี้ไปในทางที่เกิดภาวะ persistent infection หรือมีชิ้นส่วนของเชื้อหรือสารพันธุกรรมคงค้างในร่างกายอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
สอง กลุ่มผู้ป่วย Long COVID มี Autoantibodies ไม่ได้แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ
สิ่งที่พบนี้ชี้ให้เห็นว่าสมมติฐานเรื่อง Autoantibodies อาจมีน้ำหนักน้อยลง
สาม กลุ่มผู้ป่วย Long COVID มีระดับภูมิคุ้มกันที่ชี้ให้เห็นว่าเกิดกระบวนการกระตุ้น (reactivation) ของไวรัสกลุ่ม Herpesvirus อาทิ Epstein-Barr virus และไวรัสงูสวัด (Varicella Zoster virus)
และสุดท้ายสำคัญมากคือ
สี่ กลุ่มผู้ป่วย Long COVID นั้นมีระดับฮอร์โมน Cortisol ในเลือดน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
การมีระดับฮอร์โมน cortisol ต่ำนี้ ทีมวิจัยเชื่อว่าจะมีประโยชน์ในกระบวนการวินิจฉัยภาวะ Long COVID ได้ เพราะมีอำนาจการทำนายสูง
อย่างไรก็ตาม การนำมาใช้วินิจฉัยทางคลินิก จำเป็นต้องคำนึงถึงโรคอื่นๆ ที่ผู้ป่วยอาจมีอยู่เดิม และส่งผลต่อภาวะพร่องฮอร์โมนดังกล่าวด้วย
ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยทั่วโลกที่กำลังพยายามทำกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราสามารถเข้าใจธรรมชาติของภาวะ Long COVID หาสาเหตุหรือกลไกที่อธิบายการเกิดภาวะผิดปกตินี้ และนำไปสู่การหาวิธีวินิจฉัย และวางแผนดูแลรักษาได้อย่างจำเพาะเจาะจง คงต้องมีการติดตามอัพเดตกันอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยความรู้จนถึงปัจจุบัน ทำให้เราตระหนักได้ว่า การติดเชื้อโรคโควิด-19 นั้นไม่ได้จบแค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ และที่สำคัญคือ เสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติระยะยาว
Long COVID เป็นของจริง และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำให้เกิดความผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกาย
การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
สถานการณ์ระบาดของไทยยังมีการติดเชื้อแพร่เชื้อกันมากมายในแต่ละวัน ตัวเลขที่รายงานประจำวันนั้นต่ำกว่าสถานการณ์ติดเชื้อที่เกิดขึ้นจริงเพราะแจ้งแต่จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล