กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบ ผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร รายที่ 7 ของประเทศในวันนี้ (28 ส.ค.) เป็นเพศหญิง พบประวัติมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชายชาวต่างชาติ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งค้นหาติดตามกลุ่มเสี่ยงต่อไป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถาบันบำราศนราดูร ว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานรรายที่ 7 เป็นเพศหญิง อาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงมอบหมายให้ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค กองระบาดวิทยา ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ระบาดวิทยา สถาบันบำราศนราดูร ดำเนินการสอบสวนโรคในวันที่ 27 สิงหาคม 2565 เพื่อยืนยันการระบาดและสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรค พร้อมค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมและฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงแนะมาตรการสำหรับการป้องกันควบคุมโรคที่เหมาะสมให้กับผู้เสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ
จากการสอบถาม ประวัติของผู้ป่วย มีรายละเอียด ดังนี้
ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคและเวชระเบียนของสถาบันบำราศนราดูรพบว่า ในระยะ 3 สัปดาห์ก่อนป่วย ผู้ป่วยสตรีรายนี้ ไปเที่ยวย่านบันเทิงที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ
ไทม์ไลน์ของอาการป่วย
นอกจากนี้ ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีประวัติไปเยี่ยมญาติสูงอายุ ทำให้มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 3 ราย จึงกำชับให้หน่วยงาน ในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ติดตามเฝ้าระวังอาการผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงทั้ง 3 รายอย่างใกล้ชิด ซึ่งวันที่สัมผัสผู้ป่วยวันสุดท้ายคือวันที่ 21 ส.ค. 65 และจะครบกำหนดระยะเฝ้าระวังในวันที่ 11 ก.ย. 65
สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลกนั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ส.ค. 65) ผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 48,331 ราย พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 83 ประเทศ โดยประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 17,432 ราย สเปน 6,458 ราย บราซิล 4,472 ราย ฝรั่งเศส 3,421 ราย เยอรมนี 3,405 ราย และมีผู้เสียชีวิต 15 ราย
ข้อแนะนำเพื่อการป้องกันและห่างไกลโรค
นายแพทย์โอภาส กล่าวเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อง่ายหรือมีความรุนแรง ขอแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีไข้ ผื่น มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย และสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก
หากผู้ที่มีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด หลังจากมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422