รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ
วัคซีนรุ่นใหม่สำหรับโรคโควิด-19
ล่าสุดทาง US FDA ได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนรุ่นใหม่ชนิด Bivalent ของ Pfizer-Biontech และ Moderna เพื่อฉีดเป็นเข็มกระตุ้นแล้ว
โดยวัคซีนชนิด Bivalent นั้นจะครอบคลุมสายพันธุ์ดั้งเดิม และ BA.4/BA.5
ทั้งนี้ Pfizer-Biontech ใช้สำหรับคนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
ในขณะที่ Moderna ใช้สำหรับคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
การฉีดเข็มกระตุ้นด้วย Bivalent vaccine นั้น สามารถให้ได้ตั้งแต่ 2 เดือน
หลังจากฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย (ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้เข็มสุดท้ายเป็นเข็มสอง หรือเป็นเข็มกระตุ้นก็ตาม)
สำหรับไทยเรา คงต้องติดตามต่อไป
การระบาดยังคงรุนแรง ติดเชื้อไม่จบแค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยรุนแรงได้ ตายได้ และที่ควรตระหนักคือ ความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาระยะยาวอย่าง Long COVID ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการใช้ชีวิตและการทำงาน ทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศ
การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
ใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอนะ จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก
อัพเดตจากองค์การอนามัยโลก
รายงานล่าสุดจาก WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อคืนนี้ 31 สิงหาคม 2565
ในรอบเดือนที่ผ่านมา Omicron ครองการระบาดทั่วโลกถึง 99.6% ทั้งนี้พบว่า Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.5 นั้นมีสัดส่วนสูงขึ้นจากเดิม 72.4% เป็น 78.2%
ในขณะที่ BA.2 นั้นมีสัดส่วนเพียง 2.7% ส่วนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 (ที่พบครั้งแรกในอินเดีย) นั้นยังมีสัดส่วนไม่มากนัก แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจนในหลายประเทศ จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ในวีดิโอสัมภาษณ์ Dr.Kerkhove MV, WHO ที่เผยแพร่ผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อคืนนี้ ได้เตือนว่าปัจจุบันหลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงระบบรายงานเคส และระบบการตรวจ
ทำให้เชื่อว่าตัวเลขติดเชื้อที่รายงานมานั้นต่ำกว่าที่เกิดขึ้นจริง โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดประมาณว่าดูจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท