มีข่าวดีสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวระบุว่าจะมีการปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเริ่ม 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป ซึ่งล่าสุดมีการยืนยันแล้วว่ายังคงเก็บในอัตราเดิม
วันนี้ (5 ม.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีการปรากฏข่าวสารเรื่องสำนักงานประกันสังคมเตรียมเก็บเพิ่ม จาก 750 เป็น 875 บาท/เดือน เริ่ม 1 ม.ค. 67 นั้น เป็นข้อมูลเท็จ
ทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมยังคงจัดเก็บเงินสมทบ กองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 จากฐานคำนวณค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาท โดยจะเป็นเงินไม่เกิน 750 บาท ไม่มีการปรับเป็น 875 บาท ต่อเดือนตามที่กล่าวอ้าง
“ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือติดต่อสายด่วน 1506” นายคารม ย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับความกังวลของผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคม ในการต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มนั้น มาจากเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมเอง เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาสำนักงานประกันสังคม เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ "ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ...." ผ่านเว็บไซต์ระบบกลางกฎหมาย law.go.th เพื่อปรับปรุงเพดานค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ได้รับประโยชน์ทดแทนเพิ่มขึ้นและมีความเหมาะสม โดยปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 28 ก.พ. 66
ด้วยกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้กำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2538 จนถึงปัจจุบัน
จึงสมควรปรับปรุงให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเป็นไปตามมาตรฐานเพดานค่าจ้างขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ เพื่อความเพียงพอของสิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ เพิ่มรายได้ให้กับกองทุนรองรับรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น เพื่อการกระจายรายได้จากผู้มีรายได้มากไปสู่ผู้มีรายได้น้อยภายในระบบประกันสังคม และเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบประกันสังคม
โดยการรับฟังความคิดเห็น "สำนักงานประกันสังคม" ระบุเอาไว้ด้วยว่า ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
โดยค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 แต่ละคนให้กำหนดขั้นต่ำ ขั้นสูง ดังต่อไปนี้
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 17,500 บาท
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2570 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 20,000 บาท
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2573 เป็นต้นไป จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 23,000 บาท
ในร่างกฎกระทรวงยังระบุด้วยว่า สำหรับอัตราใหม่ตามกรอบเวลาแบบขั้นบันไดตามที่กำหนดร่างกฎกระทรวงฯ กำหนด จะปรับขึ้นเพดานเงินสมทบตั้งแต่ปี 2567 จากการปรับฐานค่าจ้างจาก 15,000 บาท แบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นสูงสุด 23,000
โดยช่วงปี 2567-2569 เพดานเงินเดือน 17,500 บาท ต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาท / ปี 2570-2572 เพดานเงินเดือน 20,000 บาท ต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาท และปี 2573 เป็นต้นไป เพดานเงินเดือน 23,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาท