ครม.อนุมัติ 686 ล้าน ผลิตแพทย์-บุคลากรจิตเวชเพิ่ม 2,950 คน

24 ม.ค. 2566 | 08:30 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2566 | 08:37 น.

ครม.ลุยโครงการพัฒนาเครือข่ายดูแลสุขภาพจิต เคาะงบ 686 ล้าน ผลิตแพทย์-บุคลากรจิตเวชเพิ่ม 2,950 คน หวัง ยกระดับคุณภาพการรักษาใกล้บ้าน

24 มกราคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการพัฒนาเครือข่ายระบบด้านการดูแลสุขภาพจิต กรอบวงเงิน 686.07 ล้านบาท

ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 – 2570 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีบุคลากรด้านสุขภาพจิตรวม 5,946 คน (คิดเป็น 8.99 ต่อแสนประชากร ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก) และแต่ละปีจะผลิตบุคลากรด้านสุขภาพจิตได้ 488 คนต่อปีซึ่งไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชน 

โครงการพัฒนาเครือข่ายระบบด้านการดูแลสุขภาพจิต มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพจิตให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และยกระดับคุณภาพบริการสุขภาพจิตให้ประชาชนได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล

เป้าหมายของโครงการ 

เพิ่มกำลังคนด้านสุขภาพจิต จำนวน 2,950 คน 

  • ด้านจิตแพทย์ทั่วไป 150 คน
  • ด้านพยาบาลเฉพาะทางสุขภาพจิตและจิตเวช 1,500 คน
  • ด้านพยาบาลเชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและจิตเวช 100 คน
  • ด้านนักจิตวิทยาคลินิก 400 คน
  • ด้านนักสังคมสงเคราะห์จิตเวช 400 คน
  • ด้านนักกิจกรรมบำบัดจิตเวช 250 คน
  • ด้านเภสัชกรจิตเวช 150 คน

วิธีการดำเนินโครงการ

1.ประสานความร่วมมือกับสภาวิชาชีพ สถาบันฝึกอบรมของทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อจัดทำแผนร่วมกัน โดยพัฒนาบุคลากรเดิมให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น

2.พัฒนาศักยภาพสถานบริการและบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มหน่วยผลิตบุคลากรจิตเวชจากต้นทุนที่มีอยู่

3.ติดตามประเมินผลการพัฒนาบุคลากรแต่ละสาขาและระบบบริการจิตเวชและยาเสพติด

ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ

1.สามารถเพิ่มการผลิตบุคลากรด้านสุขภาพจิตของไทยได้ปีละ 590 คน รวม 2,950 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี

2.โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ มีสหวิชาชีพด้านสุขภาพจิตเพียงพอต่อการจัดบริการให้ประชาชนในทุกอำเภอ

3.ประชาชนที่มีภาวะซึมเศร้า เสี่ยงฆ่าตัวตาย ก่อความรุนแรง ได้รับการวินิจฉัยและเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพใกล้บ้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่ก่อความรุนแรงในชุมชน

4.ผู้ป่วยจิตเวชสามารถเข้าถึงบริการจิตเวชอย่างต่อเนื่อง