25 จังหวัดค่าดัชนีความร้อน-รังสียูวีพุ่ง เสี่ยงโรคฮีทสโตรก 

05 เม.ย. 2566 | 11:00 น.
อัปเดตล่าสุด :05 เม.ย. 2566 | 11:04 น.

สาธารณสุข เตือน 25 จังหวัดค่าดัชนีความร้อนและรังสียูวีพุ่ง เสี่ยงป่วยเป็นโรคฮีทสโตรก อันตรายต่อดวงตาและทำลาย DNA ในระยะยาว แนะวิธีดูแลสุขภาพรับมืออากาศร้อน

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้วทำให้ในช่วงกลางวันหลายจังหวัดมีสภาพอากาศร้อนจัดซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเกิดอาการเพลียแดดหรืออาจรุนแรงถึงขั้นเป็น "โรคลมแดด" หรือ "ฮีทสโตรก" ได้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การวินิจฉัยว่าเป็นโรคฮีทสโตรกนั้นสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้

1.มีอุณหภูมิร่างกายสูง 40.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป

2.มีอาการผิดปกติทางสมอง เช่น สับสน เพ้อ เวียนศีรษะ ตอบสนองช้า หรือชัก

3.อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อน

ทั้งนี้ อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปและใช้ระยะเวลาจนเกิดอาการผิดปกติและส่วนใหญ่การเสียชีวิตมักจะมีปัจจัยร่วมกับโรคอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคหัวใจหรือภาวะความดันโลหิตสูง 

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

 

ทั้งนี้ สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนเกิน 41 องศาเซลเซียสจัดอยู่ในระดับอันตราย อาจทำให้มีอาการตะคริวที่น่อง ต้นขา หน้าท้อง หรือไหล่ ทำให้ปวดเกร็ง มีอาการเพลียแดด และอาจเกิดภาวะฮีทสโตรกได้ซึ่งจากข้อมูลพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนสูงสุด ของกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า

วันที่ 5 เมษายน 2566

  • ภาคเหนือ จ.ตาก อุณหภูมิ 41 องศาเซลเซียส
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ศรีสะเกษ อุณหภูมิ 38.4 องศาเซลเซียส
  • ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อุณหภูมิ 45.5 องศาเซลเซียส
  • ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี อุณหภูมิ 45.8 องศาเซลเซียส
  • ภาคใต้ จ.พังงา อุณหภูมิ 43.3 องศาเซลเซียส

วันที่ 6 เมษายน 2566

  • ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ อุณหภูมิ 40.6 องศาเซลเซียส
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ศรีสะเกษ อุณหภูมิ 41.5 องศาเซลเซียส
  • ภาคกลาง เขตบางนา กทม. อุณหภูมิ 50.2 องศาเซลเซียส
  • ภาคตะวันออก ที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี อุณหภูมิ 49.4 องศาเซลเซียส
  • ภาคใต้ จ.ภูเก็ต อุณหภูมิ 47.9 องศาเซลเซียส

คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ

ขอให้ดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ ไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ

หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

หากต้องทำงานกลางแจ้งควรทำงานเป็นกลุ่ม และเมื่อเกิดอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว ให้รีบแจ้งบุคคลที่อยู่ใกล้เพื่อช่วยปฐมพยาบาลทันที

นอกจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดต้องระมัดระวังเรื่องของ รังสีอัลตราไวโอเลต (ยูวี) ด้วยซึ่งจากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ช่วงวันที่ 3-9 เมษายน 2566 กรณีท้องฟ้าโปร่งเวลา 12.00 น. มี 25 จังหวัดที่มีค่าดัชนียูวีอยู่ในระดับสูงจัด (มากกว่า 11 ขึ้นไป) ซึ่งจะทำให้เกิดผิวหนังเกรียมแดด (Sun Burn) ส่งผลเสียต่อดวงตาได้ในเวลาไม่กี่นาที และระยะยาวจะทำลาย DNA ได้แก่

  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • น่าน
  • ลำปาง
  • หนองคาย
  • สกลนคร
  • ขอนแก่น
  • อุบลราชธานี
  • บุรีรัมย์
  • นครราชสีมา
  • กำแพงเพชร
  • เพชรบูรณ์
  • นครสวรรค์
  • กาญจนบุรี มีค่าดัชนียูวี 11
  • กทม.
  • จันทบุรี
  • ชลบุรี มีค่าดัชนียูวี 12
  • ตราด
  • ประจวบคีรีขันธ์
  • ชุมพร
  • สุราษฎร์ธานี
  • นครศรีธรรมราช
  • ภูเก็ต
  • สงขลา
  • นราธิวาส มีค่าดัชนียูวี 13

จึงขอให้หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 09.00-15.00 น. หากจำเป็นควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดด