ทันตแพทย์ชี้"โรคเบาหวาน-โรคปริทันต์"ความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม

04 ส.ค. 2566 | 06:53 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2566 | 06:53 น.

ทันตแพทย์ชี้"โรคเบาหวาน-โรคปริทันต์"ความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม ระบุจะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากได้มากขึ้นอีกด้วย 

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคเบาหวานกับโรคปริทันต์ มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันจากการที่ปกติแล้วในร่างกายจะมีฮอร์โมนชื่อว่า อินซูลิน คอยทำหน้าที่จับน้ำตาลในกระแสเลือดไปเป็นพลังงานให้แก่เนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย 

ส่วนโรคปริทันต์อักเสบสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วทั้งระบบ ซึ่งการอักเสบนั้นก็จะไปรบกวนขบวนการควบคุมระดับน้ำตาลดังกล่าว ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยเป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง จะมีผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้ออินซูลินในคนปกติ 

และหากเป็นผู้ป่วยในกลุ่มของโรคเบาหวาน ก็จะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้มากขึ้นอีกด้วย 

 

ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวว่า โรคเหงือกกับโรคเบาหวาน สัมพันธ์และมีผลต่อกัน เพราะในทางกลับกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงของผู้ป่วยเบาหวาน ก็ส่งผลต่อสภาวะโรคปริทันต์อักเสบได้เช่นกัน เนื่องจากน้ำตาลในเลือดนั้น สามารถจับกับโปรตีนบางชนิดได้ถาวร ทำให้กระตุ้นการทำลายและยับยั้งการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้โรคปริทันต์อักเสบมีความรุนแรงขึ้น

ทันตแพทย์ชี้โรคเบาหวาน-โรคปริทันต์ความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม

โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบถึง 4.2 เท่า หรืออาจกล่าวได้ว่า ความรุนแรงของโรคหนึ่งส่งผลให้อีกโรคหนึ่งรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากควบคู่กัน และเตรียมความพร้อมสำหรับการรักษาเป็นอย่างดี เพราะสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจดูแล และเป็นประตูนำไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดีด้วย 

ทันตแพทย์หญิงแพรวไพลิน สมพีร์วงศ์ ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญสาขาปริทันตวิทยา กล่าวว่า โรคปริทันต์อักเสบ หรือ โรครำมะนาด เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ ผลิตสารทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกที่รองรับฟัน

อีกทั้งแบคทีเรียเหล่านี้ยังก่อให้เกิดแผลในบริเวณพื้นผิวกว้างได้ถึง 5-20 ตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นช่องทางให้แบคทีเรียและสารอักเสบต่างๆ เข้าไปสู่กระแสเลือดได้ และอาจเป็นสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย โดยการอักเสบเรื้อรังของโรคปริทันต์อักเสบ หรือโรคเหงือกนั้น อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆในร่างกาย 

ซึ่งในทางกลับกันในโรคเช่น โรคเบาหวานก็สามารถส่งผลกระทบถึงสุขภาพช่องปากได้เช่นกัน โดยในด้านการรักษาควรทำควบคู่กัน เพราะผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบและได้รับการรักษาจะช่วยให้การใช้อินซูลินในการควบคุมระดับน้ำตาลลดลง และในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในปริมาณที่ดี ความเสียงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบของผู้ป่วยเบาหวานนั้นก็จะไม่แตกต่างจากบุคคลทั่วไปที่ไม่เป็นโรคเบาหวานเลยเช่นกัน 

"ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก และติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หรือทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้มีสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายที่ดีอย่างไปพร้อมกัน"