ในวันนี้ (25 ตุลาคม 2566) กระทรวงสาธารณสุข โดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีลงนามประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเดินหน้ารณรงค์ฉีดวัคซีน 1 ล้านเข็มใน 100 วัน สำหรับผู้หญิงอายุ 11-20 ปีพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
"ฐานเศรษฐกิจ" พาไปทำความรู้จักกับวัคซีน HPV และประโยชน์ของการฉีดวัคซีน HPV ที่ไม่เพียงช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปากมดลูกเท่านั้น แต่ยังลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสของอีกหลายโรคด้วย
เชื้อไวรัส HPV คืออะไร
HPV หรือ Human papilloma virus เป็นเชื้อไวรัสที่มีหลายสายพันธุ์ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้จากการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ โดยสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อย คือ สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึง 70%
ในขณะที่สายพันธุ์ 6 และ 11 คือ สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคหูดที่อวัยวะเพศสามารถพบได้มากถึง 90%
สำหรับเชื้อไวรัส HPV นั้น ไม่เพียงก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก แต่ยังสามารถทำให้เกิดโรคอื่นๆ ได้ ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ดังนี้
ผู้หญิง
ผู้ชาย
สัญญาณเตือนว่า ติดเชื้อไวรัส HPV
วัคซีน HPV 2 ชนิด แตกต่างกันอย่างไร
เพราะเชื้อไวรัส HPV ที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศเป็นเชื้อ HPV คนละสายพันธุ์ ปัจจุบันจึงได้มีการแบ่งวัคซีน HPV ออกเป็น 2 ชนิด คือ
พฤติกรรมลดเสี่ยงติดเชื้อ HPV
วัคซีนHPVป้องกันโรคอะไรได้บ้าง
นอกจากป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้แล้ว เพศหญิงยังป้องกันมะเร็งของอวัยวะอื่นได้อีก ได้แก่
ผู้ชายวัคซีนสามารถป้องกัน
วัคซีน HPV ฉีดอย่างไร
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV ในเด็กหญิงอายุ 11-12 ปี เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยฉีด 2 เข็มห่างกัน 6-12 เดือน หากเป็นวัคซีน 2 สายพันธุ์ ฉีด 3 เข็มที่ 0, 1 และ 6 เดือน
วัคซีน HPV มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
วัคซีนมีความปลอดภัยสูง ยังไม่พบว่า มีการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนโดยตรง
อาการข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดยาซึ่งไม่รุนแรง และหายได้เองภายใน 2-3 วัน
อาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจพบ ได้แก่ ไข้ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ซึ่งไม่รุนแรงและหายได้เอง