"ไบเออร์ไทยฯ"ผุดผลิตภัณฑ์กลุ่ม"ผื่นแพ้ผิวหนัง"เจาะตลาด 300 ล้าน

26 ม.ค. 2567 | 16:14 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ม.ค. 2567 | 23:10 น.

"ไบเออร์ไทยฯ"ผุดผลิตภัณฑ์กลุ่ม"ผื่นแพ้ผิวหนัง"เจาะตลาด 300 ล้าน หลังมีจำนวนผู้ป่วยที่มีปัญหาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ชี้ในผู้ใหญ่มีอุบัติการณ์ถึง 76% ห่วงทำให้เกิดการแพ้หรืออักเสบมากขึ้นและเกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว

นายไท เปง มัค ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้นำเสนอผลิตภัณฑ์บีแพนเธนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบอบบางแพ้ง่ายและผื่นแพ้ผิวหนัง (Eczema) ภายใต้ Bepanthen Complete Solution for Eczema Care เพื่อเป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นดูแลสุขภาพผิวที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับจุดประสงค์การสนับสนุนและสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในทุกวันให้กับผู้บริโภค (Empowering the transformation for everyday health)

นางทิพวัลย์ วรุณเทพรักษา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาด Eczema ในธุรกิจร้านขายยามีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 มีการเจริญเติบโตมากถึง 25% 

นอกจากนี้ จากผลสำรวจพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่มีปัญหา Eczema เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในผู้ใหญ่มีอุบัติการณ์ถึง 76% แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้ตระหนักถึงโรคดังกล่าว หรือยังมีการใช้วิธีการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการแพ้หรืออักเสบมากขึ้นและเกิดเป็นปัญหาสุขภาพในระยะยาว 

"บริษัทฯเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของตลาด และเชื่อมั่นว่าด้วยคุณสมบัติและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี"

"ไบเออร์ไทยฯ"ผุดผลิตภัณฑ์กลุ่ม"ผื่นแพ้ผิวหนัง"เจาะตลาด 300 ล้าน

สำหรับ 3 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น จะครอบคลุมการดูแลผิวบอบบางแพ้ง่ายที่อาจมีโอกาสเกิด Eczema โดยมีงานวิจัยรองรับสามารถดูแลปกป้องผิวและบรรเทาอาการจากผื่นแพ้ผิวหนัง สามารถใช้ได้กับทารกอายุ 1 เดือนขึ้นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ อาบ-โอบ-บรรเทา

  • อาบ ด้วยบีแพนเธน เซนซิ คอนโทรล วอช (Bepanthen Sensi Control Wash) เจลอาบน้ำสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 90% ประกอบด้วยสารทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนและสารให้ความชุ่มชื้นเข้มข้นสูง ทั้งแพนทีนอล กลีเซอรีน และเพนทาวิติน รักษาเกราะป้องกันผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว นอกจากนี้ยังมีน้ำมันธรรมชาติ (น้ำมันดอกทานตะวัน) และพรีไบโอติก ช่วยเสริมสกิน ไมโครโบรม (skin microbiome) ของผิวให้แข็งแรง รวมถึงรักษาค่า pH 5.5 ตามธรรมชาติของผิว สามารถใช้อาบน้ำได้ทุกวัน ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวตัว และด้วยรูปทรงของผลิตภัณฑ์ยังออกแบบหัวกดใหญ่ ทำให้ใช้งานสะดวก
  • โอบ ด้วย บีแพนเธน เดลี่ คอนโทรล มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ครีม (Bepanthen Daily Control Moisturizing Cream) สามารถใช้คู่กับเจลอาบน้ำ บีแพนเธน เซนซิ คอนโทรล วอช ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ปกป้องผิวตลอดทั้งวัน เป็นมิติใหม่ของการปกป้องผิวที่บอบบาง จากส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ พรีไบโอติก กลีเซอรีน และไขมันธรรมชาติ ช่วยให้ความชุ่มชื้นที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีโปรวิตามินบี 5 ที่ช่วยในด้านการฟื้นบำรุงผิวหนัง และมีวิตามินบี 3 ช่วยส่งเสริมการสร้างชั้นไขมัน ปราศจากสารกันเสีย น้ำหอม และสารแต่งกลิ่น สร้างเกราะป้องกันผิวที่บอบบาง 
  • บรรเทา ด้วย บีแพนเธน เซนซิเดิร์ม (Bepanthen Sensiderm) ช่วยบรรเทาอาการคันได้ภายใน 30 นาที จาก 3 กลไกการเลียนแบบผิว ประกอบด้วยการฟื้นฟูเกราะปกป้องผิวด้วยเทคโนโลยีของชั้นไขมันที่เรียงเป็นชั้น (Lipid lamellar technology) ซึ่งเป็นการเสริมสร้างไขมันต่าง ๆ เช่น เซราไมด์ (ceramides) ที่มีโครงสร้างเรียงกันเป็นชั้นเช่นเดียวกับที่มีในเกราะปกป้องผิว การเก็บกักน้ำในผิวด้วยกลีเซอรีน และโปรวิตามินบี 5 ที่ช่วยฟื้นฟูผิว และเพิ่มไขมันที่ช่วยดูแลผิวตามธรรมชาติ 

"ผลิตภัณฑ์จากบีแพนเธน ปราศจากสารกันเสีย น้ำหอม และสี ผ่านการตรวจสอบ Hypoallergenic Test เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งจนถึงแห้งมาก และผิวบอบบาง ซึ่งถูกกระตุ้นให้เกิดอาการคันได้ง่าย"

อาจารย์ พญ.สัญชวัล วิทยากรฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามา กล่าวว่า ผื่นแพ้ผิวหนังที่ไม่ใช่การติดเชื้อเป็น ๆ หาย ๆ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ทุกเพศทุกวัย 

อาการที่พบบ่อย ได้แก่ แห้ง คัน แดง อักเสบ ลอกเป็นขุย หรือมักเป็นผื่นตามแขน ข้อพับ และลำตัว ซึ่งสาเหตุที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการมาจากทั้งปัจจัยภายใน เช่น พันธุกรรม ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ความเครียด พักผ่อนน้อย และปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม และสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น

"อย่าชะล่าใจหากมีผื่นแดงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพกาย อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต"