ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตั้งเป้าหมายก้าวสู่ 1 ใน 100 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือ ภายในปี 2572 จากที่เราเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ติดอันดับ 1 ใน 250 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก จาก World’s Best Hospitals โดยการจัดอันดับของนิตยสาร Newsweek ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ทิศทางของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีแผนการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน พัฒนาผู้สืบทอดในทุกตำแหน่งงานที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ หรือ Succession Planning รวมถึงการวางแผนเรื่องของ การพัฒนากำลังคน หรือ Career Path เพื่อให้บุคคลากรสามารถเจริญเติบโตในหน้าที่การงานได้ และมีแผนพัฒนาบุคคลากรอย่างชัดเจน
โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานทางการแพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรักษาคนเก่งไว้กับองค์กร และส่งเสริมตำแหน่งต่างๆให้สามารถรองรับเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบันและอนาคต ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น “The Most Trusted Healthcare and Wellness Destination” วิเคราะห์ความเสี่ยงของอาการเจ็บป่วยได้ตั้งแต่ระดับพันธุกรรม จนได้รับมาตรฐานต่างๆ จากหลายหน่วยงานทั่วโลก
นอกจากนี้ยังเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้แก่ผู้มารับบริการ มีศูนย์ส่งเสริมสุขภาพที่จะทำให้เกิดการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังโควิด-19 ประเทศไทยมีเรื่องการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือเมดิคัล ทัวริสซึม ซึ่งเป็นการเสริมจุดแข็งด้านการแพทย์ของไทยสู่เป้าหมาย “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ” หรือ “การแพทย์ครบวงจร” (Medical Hub) ยกระดับขีดความสามารถของแพทย์ในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ หนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ภญ.อาทิรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2567 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้วางกลยุทธในการขับเคลื่อนโรงพยาบาลให้เป็น Year of Transformation มุ่งมั่นพัฒนา 5 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. Clinical Transformation 2. Safety and Quality Transformation 3. Operation Process Transformation 4. Service Excellence Transformation และ5. People Transformation
ทั้งนี้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้ความสำคัญกับเรื่องของบุคลากรกว่า 4,000 คน คณะแพทย์ 1,300-1,400 คน ตลอดจนเอ้าท์ซอร์สและพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ มากที่สุด เพราะถือเป็นจุดแข็งในการแข่งขันด้านการแพทย์ พร้อมกำหนดค่านิยมขององค์กรคือ iAIC ได้แก่
Inclusion คือเรื่องของพนักงานที่มีความแตกต่างและหลากหลาย สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 190 ประเทศทั่วโลก
Agility คือพื้นฐานของ Transformation ปรับเปลี่ยนให้ทันโลก และไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม
Innovation คือการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์และการบริหารจัดการ และ
Caring ที่เป็นคอนเซ็ปต์ในการดูแลผู้ป่วยหรือผู้มารับบริการ ทั้งยังมีเรื่อง Safety and Quality Transformation คุณภาพและความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญ
“เราเชื่อว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคคลากรของโรงพยาบาล และต้องจัดการความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที ควบคุมและป้องกันได้ในทุกมิติ ทั้งโรคระบาด อุบัติภัยต่างๆ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนบุคลากร”
ขณะที่ในปี 2566 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ รักษาผู้ป่วยให้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัยกว่า 1 ล้านคน ทั้งผู้ป่วยคนไทยและต่างชาติจาก 190 ประเทศทั่วโลก โดย 97% ของผู้ที่มารับการบริการทั้งหมดกลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในการรักษา ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ โมเดลการดูแลสุขภาพ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงสุขภาพดิจิทัล การแพทย์ทางไกลและปัญญาประดิษฐ์ มาปรับเปลี่ยนใช้กับผู้ป่วยและพนักงาน
นพ.รุจาพงศ์ สุขบท รองประธานอาวุโสปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การแพทย์เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้รับบริการ และการยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ควบคู่ไปกับการนำอินโนเวชั่น มาใช้เพื่อเสริมการรักษา และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร (sustainable growth) โดยสิ่งสำคัญคือผู้คนมีสุขภาพที่ดีทัดเทียมกับประเทศในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ป่วยในประเทศไทยได้รับการรักษาอย่างมีมาตรฐานและเข้าถึงได้
นพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้นำระบบ Digital Healthcare มาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย ให้ปลอดภัย ถูกต้อง รวดเร็ว และมุ่งเน้นในการดูแลผู้ป่วยอย่างครบวงจร เช่น ระบบจัดเก็บเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แบบ EMR (Electronic Medical Record) ที่ช่วยให้ทีมแพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและแผนการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเป็นระบบ
รวมไปถึงมี Bumrungrad Application ที่เน้นการสื่อสารหลายภาษา ทั้งไทย อังกฤษ อารบิค พม่า จีน ญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการ โดยจะโฟกัส ใน 4 หัวข้อหลัก หรือ F A S T ได้แก่ Friendly use, Accuracy, Safety-patient, Timeliness รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้เพื่อยกระดับการบริบาลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นางสาวนภัส เปาโรหิตย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีสาขาเดียวอยู่ในกรุงเทพ รวมทั้งหมด 580 เตียง เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการระดับ A และ A+ และจะเดินหน้าเปิดสาขา 2 ที่ภูเก็ตในเร็ว ๆ นี้ โดยยังคงเดินหน้าและมุ่งมั่นยกระดับการรักษา
รวมทั้งการเลือกใช้เทคโนโลยีการแพทย์ที่เหมาสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีที่สุด มีสัดส่วนผู้ป่วยคนไทย 60% ผู้ป่วยต่างชาติ 40% โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มของทัวร์ริสซึมที่เข้ามารักษาโรคซับซ้อนและท่องเที่ยวไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศอาหรับ เช่น บาห์เรน โอมาน กาตาร์ เป็นต้น
“กลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศเข้ามาใช้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยค่อนข้างสูง เพราะราคาสมเหตุสมผล แพทย์ของไทยมีความรู้และเชี่ยวชาญการรักษา การบริการของบุคลากรดีเยี่ยม และที่สำคัญคือผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นสูงไม่แพ้ในต่างประเทศ”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,968 วันที่ 22 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567