ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและกรรมการบริหาร โรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลยันฮีได้ยกระดับให้ศูนย์ทันตกรรมก้าวสู่ระดับนานาชาติ ภายใต้การผลักดันในด้านต่างๆ เช่น การเสริมสร้างศักยภาพทันตแพทย์ ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญให้เป็น Speaker ในงานวิชาการและการอบรม ร่วมกับองค์กรชั้นนำ อาทิ เทคนิคการจัดฟันด้วยนวัตกรรมยุคใหม่, กระบวนการรักษาฟันสบลึก, การศัลยกรรมขากรรไกร เป็นต้น พร้อมลงทุนพัฒนาประสิทธิภาพการรักษาให้ก้าวทันวงการทันตกรรมที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค AI อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการร่วมมือกับ ปตท. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวินิจฉัยโรคและออกแบบการรักษาทางทันตกรรม
ทั้งนี้ ปตท. คือหนึ่งในบริษัทผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ โรโบติกส์ และยังมีประสบการณ์ในการประยุกต์นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงได้เกิดความร่วมมือในการนำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยโรค ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคทางทันตกรรมได้อย่างแม่น ยำมากยิ่งขึ้น เช่น หากคนไข้เข้ามารับบริการ X-ray เพื่อตรวจสุขภาพฟัน และพบว่ามีรอยโรคทางทันตกรรม ระบบนี้จะบอกได้ว่าหากไม่ทำการรักษาตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตอีก 3 หรือ 5 ปีข้างหน้า และโรคดังกล่าวอาจลุกลามเป็นโรคที่รักษาได้ยากและมีค่าใช้จ่ายมากกว่าตอนนี้ได้
สำหรับเครื่องมือ AI ดังกล่าวนั้น สามารถอ่านผลและประเมินผลได้อย่างแม่นยำ แต่อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ ยังคงเป็นผู้ประเมิน และสามารถกำกับ แก้ไขผลลัพธ์ และแผนการรักษาให้เป็นไปตามดุลยพินิจของทันตแพทย์ ซึ่ง‘ศูนย์ทันตกรรม’ ของโรงพยาบาลยันฮี เป็นศูนย์การรักษาที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งและได้รับมาตรฐานระดับสากล (JCI) มีทันตแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางทุกสาขากว่า 80 คน มีห้องตรวจรวม 83 ห้อง พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และวางแผนที่จะเปิดให้ครบ 100 ยูนิต ในอนาคตอันใกล้
ทพญ.สุชาวดี กล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ โรงพยาบาลยันฮีจะเป็นผู้ดำเนินการทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ ปตท. จัดหาให้ เพื่อวินิจฉัยโรคและออกแบบการรักษาของศูนย์ทันตกรรม รวมถึงทำการเก็บรวบรวมและประเมินผลตอบรับของการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ ทั้งในด้านเทคนิคและด้านการตลาด จากทั้งมุมมองของบุคลากรโรงพยาบาลยันฮีกลุ่มทันตแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มารับบริการ พร้อมทั้งได้ทำแบบสอบถามความพึงพอใจการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ เพื่อต่อยอดยกระดับบริการ ทั้งในด้านการวินิจฉัยโรคด้านพยากรณ์โรคทางทันตกรรมและสภาพช่องปาก และด้านการออกแบบการรักษาทางทันตกรรมต่อไปในอนาคต
ปัจจุบัน AI ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในวงการทันตกรรมทั่วโลก นอกจากปัจจัยที่สามารถทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำและช่วยลดจุดผิดพลาดที่อาจถูกมองข้ามแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังตอบโจทย์แง่ของการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคอื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยพัฒนาการของ AI ที่ยังเป็นเครื่องมือใหม่สำหรับทันตกรรมในประเทศไทย ทำให้โรงพยาบาลยันฮีและ ปตท.เห็นตรงกันว่าทุกการใช้งานยังต้องอาศัยทันตแพทย์ผู้ชำนาญการคอยควบคุมอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้โรงพยาบาลยันฮี ในฐานะของผู้นำด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจร พร้อมทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกสาขา มีความมั่นใจอย่างมาก สำหรับการเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ที่จะนำเอาระบบการวินิจฉัยโรคและออกแบบการรักษาทางทันตกรรมด้วย AI มาใช้งานจริง พร้อมส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพรอบด้าน เพื่อปฏิวัติวงการทันตกรรมและสร้างสุขภาพที่ดีกับคนไทย