จากกรณีที่มีบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดตากได้ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบในจังหวัดตากให้กับบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนเนื่องจากกากแร่ดังกล่าวเป็นสารก่อมะเร็งนั้น
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกรมการแพทย์ ห่วงใยประชาชนในพื้นที่มอบหมายให้ สาธารณสุขในพื้นที่ดูแลสุขภาพประชาชน พร้อมให้ข้อมูลการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง
ช่องทางหลักแคดเมียมเข้าสู่ร่างกาย
1.ทางจมูก
จากการหายใจเอาควันหรือฝุ่นของแคดเมียมเข้าไป เช่นผู้ที่ทำงานในเหมืองแร่ โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้แคดเมียม และที่สำคัญจากการสูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้ผู้ที่กำลังสูบบุหรี่
2.ทางปาก
จากการบริโภค อาหารที่มีการปนเปื้อนแคดเมียม เช่น ข้าวที่ปลูกบนดินที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียมอยู่ สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อน เนื้อหรือนมจากวัวที่กินหญ้าที่เกิดจากดินที่มีการปนเปื้อน
นพ.เกรียงไกร นามไธสง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เปิดเผยว่า พิษต่ออวัยวะที่สำคัญ คือ พิษต่อไต โดยจะมีการอักเสบที่ไต ทำให้ไตสูญเสียการทำงาน เนื่องจากมีการสะสมของแคดเมียมอยู่ และอาจทำให้เกิดไตวายเรื้อรังได้ในที่สุดซึ่งการเกิดความผิดปกติของไตนี้จะเป็นแบบถาวร แม้ไม่ได้รับแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายแล้วไตก็ไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ พิษต่อกระดูก คือ แคดเมียมจะเข้าไปสะสมอยู่ในกระดูก เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนและอาจมีอาการปวดกระดูกอย่างมากโดยเฉพาะที่กระดูกสะโพกซึ่งเป็นอาการของโรคอิไต – อิไต
โดยคนกลุ่มนี้จะมีอาการกระดูกเปราะ แตกหักง่าย พิษของแคดเมียมนอกจากจะทำให้เป็นอันตรายต่อไตและกระดูกแล้ว ยังเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ เช่น มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้แคดเมียมยังมีส่วนที่ทำให้อาการของโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
นพ.กิติพงษ์ พนมยงค์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรม สาขาเวชกรรมทั่วไป หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วการได้รับแคดเมียมในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ลุ่มแม่น้ำตาว ไม่ค่อยพบอาการเฉียบพลัน เนื่องจากในแต่ละวันเราได้รับแคดเมียมในปริมาณไม่มากแต่แคดเมียมจะถูกสะสมอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานาน 20 - 30 ปี อาการจึงเป็นลักษณะแบบเรื้อรัง
การป้องกัน
1.หลีกเลี่ยงอาหารที่ปลูกและผลิตในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียมในปริมาณสูง
2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในบริเวณที่มีคนกำลังสูบบุหรี่
3.หมั่นเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เช่น การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจสอบความผิดปกติของไต