นายขันธ์พลร์ ซื่อภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท ดับเบิลยู ไนน์ จำกัด ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม “W9 Wellness Center” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธุรกิจเวลเนสถือว่ามีการเติบโตค่อนข้างสูงและกว้างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แนวคิดของคนที่ไม่อยากป่วยติดเตียงมีมากขึ้น และเป็นโอกาสที่จะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น โดยคีย์หลักที่จะทำให้ W9 ประสบความสำเร็จคือทีมแพทย์ที่มีคุณภาพการบอกต่อของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแบบปากต่อปาก ราคาที่จับต้องได้ ในระดับพรีเมี่ยม แต่ปัจจัยที่ต้องระวังคือการเกิดโรคใหม่ที่ส่งผลกระทบ อย่างรุนแรงเช่นเดียวกับ โควิด-19 ถัดมาคือภาวะเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน W9 เปิดให้บริการ 2 สาขาในกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาโรงพยาบาลพระราม 9 รองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ป่วยเป็นหลัก ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยและสาขาเพลินจิต รองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศออฟฟิศและลูกค้าหลักจากต่างชาติที่มาพักโรงแรม โดยเฉพาะกลุ่มอาหรับและตะวันออกกลาง ซึ่งในปีที่ผ่านมา ทำรายได้เติบโตขึ้น 20% และในปีนี้ คาดว่าทั้งสองสาขาจะมีรายได้เติบโตขึ้น 20-30% หรือประมาณ 100 ล้านบาทขึ้นไป และบริษัทยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีกในปี 2568
“ธุรกิจเวลเนสมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ต่อปี โดยเฉพาะหลังจากเผชิญกับโควิด-19 ส่งให้ผู้คนสนใจดูแลสุขภาพก่อนที่จะเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยลูกค้าที่เข้ามารับบริการ W9 ทั้งสองสาขามีสัดส่วนเป็นคนไทย 70% ต่างชาติ 30% มาจากหลากหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็น จีน ยุโรป อาหรับและประเทศ CLMV มีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 80 ปี แต่ส่วนใหญ่ประมาณ 60% จะเป็นคนในช่วงอายุ 30-40 ปี ซึ่ง W9 จะโฟกัสไปยังการดูแลป้องกันเรื่องเกี่ยวกับฮอร์โมน เป็นหลัก และถือว่าเป็นเทรนด์ธุรกิจหลักที่จะลงทุนทั้งการบริการและการตลาด เน้นเชิงรุกด้วยการชูจุดเด่นให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังพยายามจับมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายรายได้ให้มากขึ้น”
ด้านนายแพทย์พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ แพทย์ผู้อำนวยการ W9 Wellness Center กล่าวว่า สำหรับนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ W9 นำมาใช้ในการดูแลรักษาป้องกันโรคจะครอบคลุมเรื่องฮอร์โมน ทั้งการมีบุตรยาก โรคออฟฟิศซินโดรม โรคการนอนหลับยาก รวมถึงโรคภูมิแพ้ โรคเรื้อรังต่างๆ และโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีการรักษาเสริม เช่น โอโซนบำบัดที่ใช้ช่วยฟื้นตัวและเพิ่มภูมิต้านทานในหลายโรค การปรับสมดุลลำไส้ด้วยโพรไบโอติกในคนที่เป็นโรคเรื้อรัง เรื่อง Mental health การตรวจโรคต่างๆ
รวมถึงใช้ศาสตร์การแพทย์หลายแขนงเข้ามาเป็นตัวช่วย เช่น วิตามิน คลื่นความร้อน เป็นต้น สุดท้ายจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่ W9 กำลังเพิ่มการให้บริการตามนโยบาลจองรัฐบาล โดยทำโปรเจ็กต์ด้วยความร่วมมือกับหลายพาร์ทเนอร์ และอยู่ระหว่างการเจรจา 3 ราย โดยใช้จุดเด่นของ W9 และจุดเด่นของพาร์เนอร์มาทำงานร่วมกัน
สำหรับบริการที่ลูกค้าเข้ามารับบริการมากที่สุดคือ 1. ผู้มีปัญหาทางด้านสุขภาพเนื่องจากอายุมากขึ้น คุณภาพชีวิตและร่างกายแย่ลง ซึ่งไม่ใช่ความเหนื่อยล้าหรือเจ็บป่วยธรรมดาแต่มักจะมีอาการเรื้อรัง 2. กลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนหลายระบบ เช่น อารมณ์ สมองช้า ความจำแย่ ผิวแห้ง 3. กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน เช่น ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย 4.กลุ่มที่เป็นโรคเรื้อรังที่กินยาต่อเนื่อง รวมทั้งโรคจิตเวช โรคสมาธิสั้นในเด็ก เป็นต้น
“คนไทยส่วนมากจะเข้ามารับบริการเรื่องปัญหาฮอร์โมนขาดเป็นหลัก โดยสัดส่วนเป็นผู้หญิง 70% มากกว่าผู้ชาย 30% ส่วนต่างชาติจะเข้ารับบริการเรื่องฮอร์โมนที่แตกต่างจากคนไทย เพราะส่วนใหญ่ต้องการเพิ่มศักยภาพร่างกาย เพิ่มกล้ามเนื้อ และมีเรื่องดูแลรักษาเสริมเกี่ยวกับมะเร็ง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่
โดยเฉพาะ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ที่ มักจะเกิดขึ้นกับทั้งชายและหญิง รวมถึงมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย โดยเทรนด์ของธุรกิจเวลเนสทั้งไทยและต่างประเทศถือว่ามีการเติบโตที่ค่อนข้างสูงมากกว่า 30% ขึ้นไป”