ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ผู้บริหาร “SIRIRAJ H SOLUTIONS” ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการ เปิดเผยว่า ปัจจุบันระบบสาธารณสุขของไทยมีรูปแบบการจัดการที่ดี การรักษาผู้ป่วยตามทันเทคโนโลยีและไปไกล แต่ในเชิงป้องกันอาจจะยังไม่ทั่วถึง ขาดการบูรณาการของหน่วยงานในการทำงานร่วมกัน ข้อมูลด้านสุขภาพจึงมาจากหลายช่องทางทั้งจริงและเท็จปะปนกันจนน่าเป็นกังวล ในขณะที่คนไทยเริ่มมีปัญหาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงโรคจากมลภาวะรอบตัวที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น โรคมะเร็ง จากปกติพบอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ 50-60 ปี ปัจจุบันเริ่มพบเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อยลง ทั้งวัยทำงานและก่อนวัยทำงาน
ปัจจุบันโรงพยาบาลศิริราชมีจำนวนผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เข้ามารับการรักษาเฉลี่ย 2 หมื่นคนต่อวันหรือประมาณ 4 ล้านคนต่อปี ถือว่าเต็มอัตราและมีจำนวนค่อนข้างสูง และส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่อยู่ในระบบสุขภาพถ้วนหน้าหรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากทุกพื้นที่ของประเทศไทย ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์กลับไม่เพียงพอ ซึ่งโรงพยาบาลรัฐหลายแห่งน่าจะประสบปัญหาเดียวกัน โรคที่พบได้มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. โรคมะเร็ง ในผู้หญิงจะพบมะเร็งเต้านมมากที่สุด ในผู้ชายจะพบมะเร็งตับและมะเร็งปอด 2. โรคหลอดเลือดหรือระบบไหลเวียนโลหิต ที่เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ 3. โรคในกลุ่ม NCDs
“โรงพยาบาลศิริราช เป็นโรงพยาบาลของแผ่นดินที่ต้องรองรับสุขภาวะคนไข้ของประเทศไทย ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้แล้วจากโรงพยาบาลอื่น เมื่อมาถึงโรงพยาบาลศิริราชจะถือว่าเป็นความหวังสุดท้าย แต่กว่าคนไข้จะมาถึงศิริราชค่อนข้างลำบาก การเพิ่มศักยภาพในเชิงป้องกันให้ผู้ป่วยเข้าถึงได้และอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางและเป็นที่มาของ SIRIRAJ H SOLUTIONS ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการ ภายใน ICS Lifestyle Complex ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศไทย”
การตั้งศูนย์ SIRIRAJ H SOLUTIONS ใน ICS Lifestyle Complex ตรงข้ามกับไอคอนสยาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ผู้คนมักจะมาใช้จ่ายซื้อสินค้า รับประทานอาหารกับครอบครัว เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำของประเทศ และมีผู้คนคับคั่งเป็นจำนวนมาก ช่วยส่งเสริมกันทั้งด้านการให้การบริการรักษาพยาบาลและการช้อปปิ้ง เป็นทำเลที่เหมาะสม เริ่มเปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 โดยระบบการรักษาจะออกนอกกรอบต่างจากโรงพยาบาลเล็กน้อย ในลักษณะของ “Health Coach” ด้านสุขภาพ แต่ยังคงรักษาความเป็นแบรนด์โรงพยาบาลศิริราชเอาไว้ และอาจจะเป็นช่องทางให้ผู้มาใช้บริการสามารถติดต่อสอบถามได้ตลอดเวลาในอนาคต
ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า SIRIRAJ H SOLUTIONS คล้ายกับธุรกิจใหม่ เพื่อเข้ามาตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัยรวมถึงชาวต่างชาติด้วย นับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวก็มีกลยุทธ์ที่สำคัญคือ “การบอกต่อ” เพราะต้องการให้ผู้คนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ซึ่งต้องทำให้เกิดความยั่งยืน ภายในศูนย์จะมีเปิดให้บริการ 16 คลินิก ภายใต้แนวคิด “3H” คือ 1. Healthy First 2. Happy ทั้งกายและใจ 3. Holistic ภาพรวมครบถ้วนสำหรับการรักษาของบุคคลทั่วไป และยังเน้นการดูแลรักษาครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ 1.คัดกรองสุขภาพเชิงลึก 2.ฟื้นฟูศักยภาพ 3. ดูแลเชิงป้องกัน 4. ชะลอความเสื่อม และ 5. เสริมสร้างสมดุล
“เราเชื่อว่า SIRIRAJ H SOLUTIONS เป็นศูนย์แห่งแรกที่ดูแลรักษาครอบคลุมครบ 5 เรื่อง ที่ไม่ใช่เอกชน และยังคงอยู่ภายใต้กรอบการทำงานของรัฐบาล ราคาจับต้องได้ อาจจะมากกว่าในโรงพยาบาลศิริราชเล็กน้อยแต่ถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน มีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการแล้วในเฟสแรกเฉลี่ย 250 คนต่อวัน และกำลังค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเป็นคนไทย 90% ต่างชาติ 10% สามารถรองรับผู้เข้ามารับบริการได้มากถึง 1,000 คนต่อวัน และบริการที่มีผู้เข้ามาใช้มากที่สุดคือ การรับบริการด้านอายุรกรรม การตรวจทั่วไป และเบาหวาน, ความดันโลหิต, ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น แน่นอนว่าคลินิกที่มีอยู่จะเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 16 คลินิกในอนาคต โดยเฉพาะคลินิกดูแลผู้สูงอายุ คลินิกเท้า และจะทำเรื่องขอทีมแพทย์เข้ามาเสริมการทำงานเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันนี้มีบุคลากรอยู่ที่ 60 คนทั้งแพทย์และพยาบาลสลับหมุนเวียนกัน”
อย่างไรก็ตาม SIRIRAJ H SOLUTIONS มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นตามลำดับทุกๆ เดือน ซึ่งอยู่ในระดับที่พอใจระดับหนึ่ง ทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวและรับมืออย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในปี 2567 จะเพิ่มกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยเกษียณที่ชอบบอกต่อกันในสิ่งดี ๆ แก่ชุมชนของตัวเอง และจัดแคมเปญต่าง ๆ ดึงดูดให้ผู้คนเข้าใช้บริการ นอกจากนี้ปี 2568 มีแผนพูดคุยกับบริษัทใหญ่หลายแห่งเพื่อให้บริการการตรวจสุขภาพของพนักงาน เป็นความร่วมมือที่ได้ทั้งคุณภาพและราคา ส่วนแผนยุทธศาสตร์ในระยะยาวจะต้องวางแผนและพูดคุยกับ ICS อีกครั้ง
นอกจากนี้ SIRIRAJ H SOLUTIONS มีแผนพัฒนาเพื่อยกระดับการให้บริการ โดยร่วมมือกับ MUIC หรือวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (Mahidol University International College) สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยวและบริการ ดำเนินการเรื่อง “Medical Tourism” การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล จะนำร่องรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 3 ประเทศเข้ามาใช้บริการ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจีน ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาให้บริการของ SIRIRAJ H SOLUTIONS ก็สามารถช้อปปิ้งต่อได้ทันที
ทั้งนี้ SIRIRAJ H SOLUTIONS ยังไม่มีแผนเปิดสาขาที่ 2 แต่มองว่าจะเพิ่มบริการ และทักษะด้านภาษาให้มากขึ้นเพื่อยกระดับบุคลากรรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยจุดแข็งของการเป็นแบรนด์ “ศิริราช” และคุณภาพของบุคลากร ราคาที่ลูกค้าทั่วไปสามารถจ่ายได้ และเลือกทำเลด้วยการร่วมมือกับศูนย์การค้าระดับประเทศที่สนันสนุนกันได้ แต่จุดอ่อนคือการเข้าถึงของลูกค้า ต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
“SIRIRAJ H SOLUTIONS จะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพของคนไทย ซึ่งวันนี้กล้าพูดได้ว่าการแพทย์เมืองไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรืออเมริกา ทั้งเครื่องมือ มาตรฐาน วิธีการ หรือแม้กระทั่งยาที่ใช้ เรามั่นใจว่าในอนาคตถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ประเทศไทยจะกลายเป็น Medical Hub ก็น่าจะมีความเป็นไปได้” ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ กล่าวทิ้งท้าย