ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ กล่าวว่า ปัจจุบันการทำศัลยกรรมตกแต่งมีหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการทำศัลยกรรมในคลินิก บางแห่งอาจะไม่มีความพร้อมและส่งผลกระทบตามมาทีหลัง แต่ในโรงพยาบาลเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน สามารถช่วยเหลือผู้ใช้บริการในยามวิกฤติได้ ตลาดมีโอกาสเติบโตสูง
ฉะนั้น ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมตกแต่ง KPS Kasemrad Plastic Surgery จึงได้ลงนามความร่วมมือกับ สมาคมแพทย์ศัลยกรรมความงามเกาหลีใต้ (KCCS) หรือ Korean College of Cosmetic Surgery & Medicine เป็นการผนึกจุดแข็งระหว่างสององค์กรชั้นนำของ "เกษมราษฎร์" โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของไทยที่มีมาตรฐานการรักษาสูง กับ KCCS สถาบันศัลยกรรมตกแต่งและเสริมความงามระดับแนวหน้าของเกาหลีใต้ เพื่อยกระดับศักยภาพแพทย์ผู้เชี่ยวชาชาญของ KPS ให้ทัดเทียมกับมาตรฐานระดับสากล
โดย KPS และ KCCS จะต้องเทรนนิ่งและศึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน ทั้งการพัฒนาด้านศัลยกรรม สกิลของแพทย์ เทรนด์การศัลยกรรมต่างๆ ตอบโจทย์รัฐบาลไทยที่บรรจุแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่ง 1 ในนั้นที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดคือเรื่องศัลยกรรมตกแต่งและความงาม ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมนวัตกรรมด้าน Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย และพิจารณาการใช้บริการด้านมาตรฐานและความปลอดภัยเป็นหลัก หากประเทศไทยสามารถพัฒนาตลาดศัลยกรรมไทยให้เทียบเท่ากับเกาหลีใต้ได้ ตลาดในประเทศไทยจะใหญ่ขึ้น สามาระเป็นฮับด้านความงามที่แข็งแกร่งในระดับภูมิภาคไปสู่ระดับโลกได้
ศ.ดร.นพ.เฉลิม กล่าวว่า ปัจจุบันในเครือกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ มีอยู่ 17 โรงพยาบาล มีสาขาอยู่ใน สปป.ลาว และกำลังขยายไปในโซน EEC ซึ่งทุกพื้นที่มีความต้องการในเรื่องความสวยความงาม ซึ่งตลาดความงานหรือศัลยกรรมตกแต่งจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน 10-20% ต่อปี และทีมหมอรุ่นใหม่จะเข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน โดยเป็นทั้งหมอและนักลงทุน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
"สำหรับ KPS มีคอนเซ็ปว่าต้องมีมาตรฐาน สร้างบุคลากรทางการแพทย์ให้ทัน ต้องอัพสกิลอยู่ตลอด เทรนนิ่งในประเทศที่เป็นผู้นำด้านศัลยกรรม และมีแนวทางหรือวางแผนให้สอนคล้องกับธุรกิจในเครือของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุดท้ายสามารถ Spin-Off แยกธุรกิจออกมาเป็นบริษัทใหม่และเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตได้จะดี"
นพ.สุเมธ บุญญเจตน์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมตกแต่ง KPS Kasemrad Plastic Surgery กล่าวว่า ความร่วมมือกับ KCCS มีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานด้านศัลยกรรมความงามในเมืองไทยสู่ระดับสากล สร้างศักยภาพแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ KPS ให้ทัดเทียมกับมาตรธานระดับโลก ประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยหลัก คือ
1.เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ โดยทีมแพทย์ของ KPS จะไปฝึกอบรมณ์ที่เกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน KCCS จะเข้ามาศึกษาดูงานในประเทศไทยเช่นกัน
2.พัฒนาหลักสูตรให้แพทย์ไทย ให้มีศักยภาพด้านศัลยกรรมให้สูงขึ้น มีความชำนาญ และยกระดับการแพทย์ประเทศไทย
3.พัฒนาด้านการวิจัยและแนวทางการรักษาผู้ป่วยในระดับสากล ทั้งฝั่งไทยและเกาหลีใต้ เพื่อผลประโยชน์ของคนไข้ในโซนเอเชีย
4.ผลักดันมาตรฐานศัลยแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์สูงอยู่แล้วแต่ขาดมาตรฐานการรองรับสูงสุด โดย KCCS จะเข้ามาสนับสนุนให้ผคนไข้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด
"สำหรับกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายของตลาดศัลยกรรมและความงาม จะอยู่ในวัย 40 ปีลงมา โดยจะสนใจเรื่องใบหน้าเป็นหลัก ถัดมาคือรูปร่าง การลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ซึ่งกลยุทธ์ของ KPS จะมีนวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ สามารถพัฒนาคุณภาพเทียบเท่าวงการศัลยหรรมเกาหลีได้ และตอนนี้ตลาดศัลยกรรมของประเทศไทยมีลูกค้าต่างชาติอันดับ 1.จีน 2.กัมพูชา 3.อินโดนีเซีย"
ดร. คัง คยอง-ฉิน ผู้ก่อตั้ง และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมแพทย์ศัลยกรรมความงามเกาหลี (KCCS) หรือ Korean College of Cosmetic Surgery & Medicine กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดศัลยกรรมความงามในเกาหลีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เข้ารับบริการเติบโตสูงขึ้น ประเทศที่นิยมไปทำศัลยกรรมในเกาหลีอันดับ 1. คือ จีน 2.ไทย 3.อินโดนีเซีย 4.มาเลเซีย ที่เหลือคือไต้หวัน ญี่ปุ่น และอื่นๆ โดยคนไทยเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ KCCS นิยมไปทำมากที่สุดคือทำจมูกและหน้าอก ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านศัลยกรมความงามในภูมิภาคอาเซียน
ด้าน นายกันตพร หาญพาณิชย์ กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บางกอก เซน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดศัลยกรรมในประเทศไทยมีตัวเลขจากปี 2566 ระบุไว้ว่าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท คาดการณ์ในปี 2567 จะเติบโตขึ้น 2-3% ด้วยปัจจัยหลายอย่าง โดย KPS เปิดให้บริการเป็นปีแรกในปี 2566 จนถึงปีนี้มีอัตราการเติบโต 2 เท่าตัว สร้างรายได้ประมาณ 70 ล้านบาท และในปี 2567 นี้ หลังจากเพิ่มสาขาแล้วน่าจะมีรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท ตั้งเป้าการเติบโตขึ้น 300%
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 มีแผนขยายสายสาศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมตกแต่งไปทั่วประเทศ เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมลงทุน 200 ล้านบาท ในเทคโนโลยีและอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย เพิ่มบริการใหม่ ครอบคลุมศัลยกรรมใบหน้า หน้าอก ลดน้ำหนัก เสริมความงาม และเทคโนโลยีดูแลผิวพรรณ และมีแผนบุกตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ มุ่งเจาะตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ตะวันออกกลาง และยุโรป ผ่านการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร ในต่างประเทศ เช่น โรงพยาบาล คลินิก ตัวแทนท่องเที่ยว เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
โดยล่าสุดได้เปิด ศูนย์ KPS Kasemrad Plastic Surgery ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม ที่โรงพยาบาลแกษมราษฎร์ รามคำแหง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ด้วยเงินลงทุน 50 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพใจกลางย่านการศึกษา มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ไกล้ศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่ง มีโครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็นกระจายอยู่จำนวนมาก สะดวกต่อการเดินทาง ทั้งติดรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีแยกลำสาลี และในปี 2569 จะสามารถเดินทางด้วยรถให้ฟ้าสายสีส้ม สถานีสัมมากร สามารถเดินทางลงหน้าโรงพยาบาลได้ทันที และใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เชื่อมต่อนักท่องเที่ยวโดยตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งคนไทยและต่างชาติได้
"ปัจจุบัน KPS มีสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 75% ต่างประเทศ 25% แผนในอนาคตคิดว่าศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมตกแต่ง KPS Kasemrad Plastic Surgery จะอยู่กับทุกโรงพยาบาลในเครือเกษมราษฎร์ จับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ตั้งแต่ปี 2567-2570 จะสามารถเปิดบริการได้ไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง งบประมาณลงทุนแต่ละแห่งจะแตกต่างกันตามศัยภาพของแต่ละโรงพยาบาล"