สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานพลังภาคี จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด” เนื่องในวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ต.ค. ของทุกปี เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านสุขภาพ รวมถึงหยุดการคุกคาม ปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้า
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าตัวเลขของเยาวชนไทยอายุ 10-19 ปี กว่าครึ่ง หรือ 53% ที่สูบบุหรี่ จะมีภาวะซึมเศร้า โดยเด็กที่เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า มีแนวโน้มจะป่วยโรคซึมเศร้าสูงขึ้น 2 เท่า สอดคล้องกับผลการสำรวจสุขภาพคนไทย
โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 ปี 2562-2563 ของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า เยาวชนไทยมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 13-15 ปี เพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 8.1% ในปี 2564 ทั้งนี้ ในปี 2565 การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า ภายใน 1 ปี
แม้ไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่าย ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่สาธารณะ แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่กลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากการตลาดของผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ดึงดูดใจเด็กและเยาวชนให้เข้าถึงได้ง่าย ทั้งภาพลักษณ์ที่ทันสมัย แปลกใหม่ และหาซื้อได้ง่ายบนช่องทางออนไลน์
“เนื่องในวันสุขภาพจิตโลก สสส. ขอใช้โอกาสนี้สานพลังภาคี 16 องค์กร และชุมชน 200 แห่ง แสดงพลังความร่วมมือปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้า โดยการเปิดตัวชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ชื่อว่า เด็กปลอดพอด เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารการรู้เท่าทันภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเนื้อหาได้รับการสนับสนุนจากนักเขียน นักวาด และผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์หนังสือภาพสำหรับเด็กร่วมผลิตขึ้น นำเสนอผ่าน 7 เรื่องราว ที่เน้นย้ำว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผลโดยตรงต่อผลสุขภาพจิต เสี่ยงป่วยโรคซึมเศร้า ทำลายสมอง และคุณภาพชีวิตทุกด้าน
"สสส. มุ่งกระตุ้นสังคมและผู้แวดล้อมเด็กให้ได้ใช้หนังสือชุดนี้สื่อสารกับเด็กช่วงปฐมวัยและประถมศึกษาได้เรียนรู้และเฝ้าระวังภัยบุหรี่ไฟฟ้า ช่วยสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเปิดอ่านและดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ www.happyreading.in.th” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สถิติจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตสาเหตุจากการเสพบุหรี่ปีละ 8 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กซึ่งเป็นผลมาจากบุหรี่มือสองและสามถึง 65,000 ราย สถานการณ์การระบาดบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะกลุ่มผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเด็กมีอายุน้อยลง
จากงานวิจัยติดตามวัยรุ่นที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง และการเกิดอาการผิดปกติของทางเดินหายใจในสหรัฐอเมริกา 2,097 คน อายุเฉลี่ย 17 ปี ระหว่างปี 2557 กับ ปี 2562 ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Thorax ชี้ชัดว่า การได้รับควันบุหรี่ไฟฟ้ามือสองมีโอกาสการเกิดหลอดลมอักเสบ และหายใจลำบาก โดยกลุ่มวัยรุ่นได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสองเพิ่มขึ้นจาก 11.7% เป็น 15.6%
กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง มีอัตราการหายใจมีเสียงวี้ดในปอด แสดงถึงอาการรูหลอดลมเล็กลง จากการเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม สาเหตุจากการระคายเคืองจากสารเคมีในไอบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 12.3% เป็น 14.9% มีอาการหลอดลมอักเสบเพิ่มจาก 19.5% เป็น 26% มีอาการหายใจไม่สะดวกเพิ่มจาก 16.5% เป็น 18.1%
“ความสัมพันธ์ของการเกิดอาการผิดปกติของทางเดินหายใจจากการได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง จะยิ่งชัดเจนในคนที่ไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเลย แสดงว่าไอบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อคนใกล้ชิดอย่างแน่นอน ซึ่งในหลายประเทศมีการรณรงค์ถึงอันตรายของไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ปอดอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต จะได้รับอันตรายรุนแรงกว่าเด็กโตหรือในผู้ใหญ่” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ กุมารแพทย์และรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า การป้องกันการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา ต้องเริ่มต้นด้วยการเสริมทักษะความรู้ให้เท่าทัน ผ่านการสอนที่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก ก่อนที่เด็กจะไปเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างผิดๆ จากเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องบนสื่อออนไลน์
นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้ปกครองบางคนให้ลูกทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์สูงสุด เมื่อพลาดไปลองแล้ว จะเสพติดแก้ไขไม่ทัน ทั้งนี้ ชุดสื่อนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้าที่ สสส. ได้สนับสนุนพัฒนาขึ้น จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยผู้ปกครองให้สามารถสอนลูกๆ ได้อย่างสะดวก เหมาะสมต่อพัฒนาการเด็ก และทันต่อสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานยุทธศาสตร์สร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า หนังสือภาพหรือนิทานทำหน้าที่สำคัญ คือ ตอบสนองความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของเด็ก ทำให้สนุกสนาน เพลิดเพลิน ผ่อนคลายอารมณ์ และกระตุ้นการเรียนรู้ ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่พ่อแม่ ผู้แวดล้อมเด็ก ชี้ชวนอ่านหนังสือให้ฟัง จะเกิดการถักทอสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ระหว่างเด็กกับผู้อ่านเพิ่มขึ้น หากได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันจากคำถาม ความช่างสงสัย ไม่เพียงจะเป็นช่วงเวลาทองของเด็ก แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู สามารถให้ความรู้ ข้อคิด และปลูกฝังสิ่งดีงามให้กับเด็กได้อีกด้วย
ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “เด็กปลอดพอด”
ชุดนิทานเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า "เด็กปลอดพอด" มีทั้งหมด 7 เล่ม เป็น หนังสือสำหรับกลุ่มเด็กอายุ 3-6 ปี 4 เรื่อง ได้แก่ “อีเล้งเค้งโค้งพับปลอดพอด” และ “หูไวตาไว” เรื่องและภาพ: ครูชีวัน วิสาสะ, “ชัยชนะของแมวน้อย” เรื่องและภาพ : ปรีดา ปัญญาจันทร์ เขียนคำ : ระพีพรรณ พัฒนาเวช, “ขบวนการปราบทอยพอด” เรื่อง : แพทย์หญิงปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี ภาพ : พัชรา พันธุ์ธนากุล และหนังสือนิทานภาพ
สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไป มี 3 เรื่อง คือ “มาร์สแมนกับยายเช้า ตอน ปราบปีศาจบุหรี่ไฟฟ้า” เรื่องและภาพ : ศ.เกริก ยุ้นพันธุ์ “เด็กชายกับสหายผู้ปกป้อง” เรื่อง : ระพีพรรณ พัฒนาเวช ภาพ : วชิราวรรณ ทับเสือ กฤษณะ กาญจนาภา, “ความลับของบริษัทดำมืด” เรื่อง : ชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์ฤทธิ์ ภาพ : ชาญศิลป์ กิตติโชติพาณิชย์ หนังสือทุกเล่มออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานสร้างเสริมพลังจิตใต้สำนึกให้เข้มแข็ง รู้เท่าทันภัยบุหรี่ที่คุกคามสุขภาพ
เปิดอ่านและดาวน์โหลดได้ทาง www.happyreading.in.th