ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร สร้างแล้วเสร็จกว่า 90% ใกล้เป้าหมายสำหรับการเป็นโรงพยาบาลรัฐ ผู้นำในการรักษาและเข้าถึงคนไทยอย่างเท่าเทียม ด้วยการยกระดับสู่โรงพยาบาล AI แห่งแรกของไทย ที่นำซูเปอร์คอมพิวเตอร์และนวัตกรรมเฉพาะทางมาใช้ และมุ่งเป็นศูนย์กลางศึกษาวิจัยของบุคลากร พร้อมพัฒนาเครื่องมือแพทย์ครบวงจร สร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขอย่างยั่งยืน
โดยได้ลงนาม MOU ร่วมกับ CMKL University สถาบันผู้นำด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และ AI (ก่อตั้งโดย Carnegie Mellon University (CMU) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) ทำให้เป็นโรงพยาบาล AI แห่งแรกของประเทศไทย ที่จะนำซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้ในการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นระบบ AI มาบริหารจัดการฐานข้อมูลดูแลสุขภาพ, บริหารจัดการเวชภัณฑ์, ติดตามผลการรักษา
ไปจนถึงการใช้ AI สแกนภาพ เพื่อให้ได้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำและรวดเร็ว ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ช่วยให้บริการสอบถามเรื่องสุขภาพในเบื้องต้น และช่วยลดเวลาการเดินทางมาพบแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านการแพทย์และสาธารณสุขไทย โดยตั้งเป้าให้โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมเป็นแหล่งรวมการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ที่ใช้งานได้จริง เพื่อทดแทนการนำเข้าและต่อยอดสร้างประโยชน์ให้กับโรงพยาบาลอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
“โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ใช้เวลา 4 ปี ในการเริ่มจากศูนย์ ด้วยแรงสนับสนุนด้านเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา โดยไม่ใช้เงินภาษีของประชาชนคนไทยมาจนถึงปี 2567 อาคารของโรงพยาบาลได้คืบหน้าไปมากกว่า 90% ในทุกตารางนิ้ว ทุกรายละเอียด ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่โดยบุคลากรที่ดีที่สุดในแต่ละด้าน ซึ่งความปรารถนาของมูลนิธิฯ คือการสร้าง โรงพยาบาลรัฐที่สวยและดีที่สุด ที่เข้าถึงคนจน และเปลี่ยนชีวิตคนไทยให้ดีกว่าเดิม”
ศ.ดร.สุชัชวีร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร มีจุดเริ่มต้นเดียวกับช่วงที่โควิด-19 มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ช่วงนั้นประเทศไทยมีความกังวลมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่มีอุปกรณ์รักษาที่เพียงพอและต้องนำเข้าเครื่องมือแพทย์เกือบ 100% ประกอบกับต่างประเทศเองก็เกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมาก จนต้องเก็บเครื่องมือของตัวเองไว้ในช่วงวิกฤต
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จึงรวมทีมคณาจารย์ และบุคลากรจากคณะต่าง ๆ เพื่อสร้างเครื่องช่วยหายใจขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพช่วยพยุงการหายใจในเวลาฉุกเฉินได้ดี แจกจ่ายไป 5,000 ชิ้น ใน 500 โรงพยาบาลทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
“ความสำเร็จครั้งนั้น ทำให้เราเกิดความคิด 2 เรื่อง คือ 1.ความมั่นคงทางสุขภาพของคนไทยมีความเปราะบางอย่างมาก เราไม่สามารถพึ่งพาตัวเองในภาวะวิกฤตได้เลย 2. คือความฝันที่ทำให้เราอยากสร้างโรงพยาบาลขนาดย่อม ที่ทันสมัยและเป็นผู้นำในการดูแลรักษาคนไทย รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการสร้างงานวิจัยทางการแพทย์ สามารถสร้างเครื่องมือแพทย์ที่ครบวงจรได้ในแผ่นดินไทย เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลที่ปฏิวัติการแพทย์สาธารณสุข สำหรับให้คนไทยได้ทำ คนไทยได้ใช้ และคนไทยได้รอด เพื่อดูแลคนไทยได้อย่างเต็มรูปแบบ”
ด้าน รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 1,000 ล้านบาท โดยไม่มีเงินภาษีจากประชาชน แต่ยังไม่สามารถให้บริการรักษาได้อย่างเต็มที่ และยังต้องการแรงสนับสนุนสำหรับค่าใช้จ่ายของแพทย์ พยาบาล รวมถึงการจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้บรรลุความตั้งใจในการบริการทางแพทย์ที่ดีที่สุด เข้าถึงคนทุกคนอย่างแท้จริง และเพื่อให้ดูแลคนไทยได้อย่างเต็มรูปแบบ สามารถบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์”