"ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมผลตอบแทนจากเงินปันผล“เศรษฐีหุ้นไทย” 10 อันดับที่ได้รับสูงสุดรอบปี 2564 จากบรรดา 20 เศรษฐีหุ้นไทยแถวหน้าที่มีมูลค่าพอร์ตหุ้นสูงสุด ตามข้อมูลรายงานในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เรียงลำดับดังนี้
เศรษฐีหุ้นไทยที่ได้รับเงินปันผลปี 64 สูงสุด คือ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี หรือ "เสี่ยกลาง" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ รองประธานกรรมการ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) จากหุ้นที่ถือจำนวน 4,171,077,797 หุ้น คิดเป็น 35.55% ในอัตราปันผลหุ้นละ 0.44 บาท (อัตราปันผลคิดเป็น 87.8%ของกำไรสุทธิ) คิดเป็นผลตอบแทน 1,835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.79% จากปี 63 ที่จ่ายปันผลหุ้นละ 0.38 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลปี 64 ในวันที่ 28 เม.ย.65
และหากคำนวณผลตอบแทนเงินปันผล ในนาม" กลุ่มนายสารัชถ์ รัตนาวะดี" ( รวมภรรยาและทางอ้อมผ่าน 3 บริษัทในเครือ ) ซึ่งถือหุ้น GULF รวมทั้งสิ้น 8,614,109,219 หุ้น สัดส่วน 73.42% ได้รับปันผลส่วนนี้ถึง 3,790 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีเงินปันผลจากการถือหุ้นทางอ้อม เฉพาะส่วนตัวที่ "สารัชถ์ รัตนาวะดี" ได้รับจากที่ GULF เข้าลงทุนใน บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ( INTUCH ) โดย INTUCH จ่ายปันผลปี 64 หุ้นละ 2.83 บาท ( ปันผลระหว่างกาล 1.23 บาท เหลืออีกหุ้นละ 1.60 บาท จ่าย 21เม.ย.65 ) GULF ซึ่งถือหุ้นใหญ่ 1,122,383,763 หุ้น สัดส่วน 35.00 % จะได้รับเงินปันผล 3,176 ล้านบาท
ในขณะที่"เสี่ยกลาง"จะได้รับเงินปันผลทางอ้อมราว 1,129 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.55% ที่ GULF ได้รับ รวมเบ็ดเสร็จ"เสี่ยกลาง"ได้รับเงินปันผลอย่างน้อย 2,964 ล้านบาท ( 1,835 + 1,129 ล้านบาท )
คลิกอ่านเพิ่ม : "สารัชถ์ รัตนาวะดี"แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 64 มั่งคั่ง 1.7 แสนล้านบาท
2.นายอนันต์ อัศวโภคิน "เสี่ยตึ๋ง" เจ้าพ่อแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ได้รับเงินปันผลปี 64 จำนวน 1,430 ล้านบาท จากหุ้นที่ถือใน บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH ) 2,860,000,047 หุ้น สัดส่วน 23.93% ปันผลที่หุ้นละ 0.50 บาท ( ปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.25 บาท เหลืออีกหุ้นละ 0.25 บาท จ่าย 20 พ.ค.65 )
และหากคำนวณเงินปันผลที่ LH ได้รับจากการถือหุ้นใหญ่" 3 บจ.หลัก" คือ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) สัดส่วน 24.98% QH ปันผลที่หุ้นละ 0.10 บาท , บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) สัดส่วน 30.23% ปันผลที่หุ้นละ 0.32 บาท และในบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป ( LHFG) ถือหุ้น 21.88% ปันผลที่หุ้นละ 0.04 บาท
"เสี่ยตึ๋ง" จะได้รับเงินปันผลตอบแทนจากการถือหุ้น LH และถือหุ้นทางอ้อมใน QH, HMPRO และ LHFG อย่างน้อย 1,842 ล้านบาท
3. นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) รับเงินปันผลปี 64 จำนวน 1,265.46 ล้านบาท จากหุ้นใหญ่ที่ถืออันดับ1 ใน PSH จำนวน 1,318,190,000 หุ้น สัดส่วน 60.23% ในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 20 พ.ค.65
4.นายนิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา รับเงินปันผลตอบแทนปี 64 ราว 1,132 ล้านบาท จากหุ้นในพอร์ตที่มีชื่อ"นิติ"เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก (OSP, HMPRO, CPN, WHA, BKI ขณะที่ MINT และ CENTEL ปี 64 งดจ่ายปันผล ) โดยมาจาก 2 หุ้นหลัก คือบมจ.โอสถสภา (OSP) รับเงินปันผล 795 ล้านบาท จากหุ้นที่นิติถือจำนวน 723,097,300 หุ้น สัดส่วน 24.07% ปันผลที่หุ้นละ 1.10 บาท และบมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO ) รับปันผล 213 ล้านบาท จากหุ้นที่ถือ 665,764,862 หุ้น คิดเป็น 5.06% ปันผลที่หุ้นละ 0.32 บาท
5.นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ( BDMS ) ได้รับเงินปันผลปี 64 ประมาณ 918 ล้านบาท จากหุ้นที่จ่ายปันผล 2 แห่ง คือ หุ้น BDMS ที่ถืออยู่ 2,037,626,440 หุ้น สัดส่วน 12.82% ปันผลที่หุ้นละ 0.45 บาท เป็นเงินปันผล 917 ล้านบาท (ปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท ที่เหลืออีกหุ้นละ 0.20 บาท จ่าย 29 เม.ย. 65 ) และหุ้น บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV ) ถืออยู่ 2,198,100 หุ้น คิดเป็น 1.37% ปันผลที่หุ้นละ 0.60 บาท
6.นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ( BTS) รับเงินปันผลปี 64 จำนวน 818 ล้านบาท จากหุ้นที่ถือ 2,638,471,052 หุ้น สัดส่วน 20.04% ปันผลที่หุ้นละ 0.31 บาท
7.นางณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) รับเงินปันผลตอบแทยปี 64 จำนวน 399 ล้านบาท จากหุ้น CBG ที่ถืออยู่ 210,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 21.00% และจ่ายปันผลที่หุ้นละ 1.90 บาท
8-9. นางดาวนภา และนายชูชาติ เพชรอำไพ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล ( MTC ) โดยนางดาวนภา ได้รับเงินปันผลปี 64 จำนวน 266.04 ล้านบาท จากหุ้นที่ถือจำนวน 720,000,000 หุ้น สัดส่วน 33.96% MTC จ่ายปันผลที่หุ้นละ 0.37 บาท ในวันที่ 17 พ.ค. 65 ขณะที่นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ รับปันผลปี 64 จำนวน 265.10 ล้านบาท จากหุ้นที่ถือ 710,056,400 หุ้น สัดส่วน 33.49% และรับปันผลจากหุ้น บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ (JR ) ซึ่งถือ 2.24% จ่ายปันผลที่หุ้นละ 0.14 บาท
10.นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่ม บมจ.บี.กริม ( BGRIM ) รับเงินปันผลตอบแทนปี 64 จำนวน 261.37 ล้านบาท จากหุ้นที่ถือ 621,399,700 หุ้น สัดส่วน 23.84% ปันผลที่หุ้นละ 0.42 บาท ( ปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท ที่เหลืออีกหุ้นละ 0.27 บาท จ่าย 12 พ.ค.65 ) และเงินปันผลจากหุ้น บมจ. อมตะ วีเอ็น ( AMATAV) ที่ถือ 0.82% ปันผลหุ้นละ 0.05 บาท
อย่างไรก็ดี "พิชญ์ โพธารามิก" เศรษฐีหุ้นไทยที่เคยครองแชมป์ รับเงินปันผลตอบแทน จากหุ้น บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ในฐานะผู้ถือหุ้นอันดับ 1 จำนวน 4,620,043,783 หุ้น สัดส่วน 53.77% โดยปี 61 พิชญ์ ได้รับเงินปันผลราว 2,680 ล้านบาท ในอัตราปันผลที่หุ้นละ 0.58 บาท และในปี 2562 รับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 7,993 ล้านบาท จากอัตราปันผลหุ้นละ 1.73 บาท
ขณะที่ปี 2564 บริษัททั้ง 3 แห่งที่พิชญ์ถือหุ้นใหญ่ "งดจ่ายปันผล" กล่าวคือ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) พิชญ์ถือ 9.59% , บมจ.โมโน เน็กซ์ (MONO) ถือ 59.12% และ JAS ปี 2563 -64 ขาดทุนสุทธิ 3,126 ล้านบาท และ 1,500 ล้านบาท ตามลำดับ.