ไฟไหม้ล่าสุด ย่านตลาดสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวานที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) จากสาเหตุหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด สร้างความเสียหายต่ออาคาร ทรัพย์สินในบริเวณที่เกิดเหตุ รวมไปถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 11 ราย และเสียชีวิตถึง 2 ราย
เรื่องนี้ถือเป็น “บทเรียนราคาแพง” โดยถือเป็นหน้าที่การไฟฟ้าต้องช่วยดูด้วยเพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรง โดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบปัญหาพื้นที่อาคารที่ถูกฉีดน้ำมีการยุบตัว รวมถึง “ปัญหาสายไฟ สายสื่อสาร”
ที่เป็นหนึ่งสาเหตุทำให้เพลิงไหม้ลุกลาม โดยนัดหมายหารือร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ในสัปดาห์หน้า ทั้งเรื่องไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงเรื่องความปลอดภัยของหม้อแปลงไฟ และสายสื่อสารที่อยู่รวมกับเสาไฟฟ้า
เมื่อพูดถึง "ปัญหาคนกรุง" ที่รอการแก้ไขที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ “สายไฟ สายสื่อสาร” โดยเฉพาะย่านสำเพ็ง สายไฟฟ้าและสายสัญญาณสื่อสารที่ระโยงระยางดูไม่เป็นระเบียบ ตลอดแนวถนนย่านเยาวราชและตลาดสำเพ็ง บางจุดถูกพาดผ่านไปมาระหว่างถนน ขณะที่ประชาชนเดินจับจ่ายซื้อของอยู่เป็นจำนวนมาก
แม้แต่การเดินทางมาประเทศไทยของ “รัสเซล โครว์” ดาราฮอลลีวูด รูปถ่ายเซลซี่ที่มีฉากหลังเป็นสายไฟระโยงระยาง ถึงขนาดสื่อญี่ปุ่น “Abema Times” ตีแผ่สกู๊ป ต้องใช้เวลา 200 ปี ถึงจะนำลงดินได้ทั้งหมด
ดูคลิปเพิ่มเติม : www.youtube.com/watch?v=XB3npLKP2EA
จริงๆ แล้วการนำสายไฟฟ้าลงดิน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นโครงการที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ริเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 แต่เริ่มนำสายสื่อสารลงดินในกรุงเทพฯ สมัยของ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี พ.ศ.2559 มีการเซ็นข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่าง กฟน. ทีโอที สตช. และ กทม.
แผนดังกล่าวเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525 – 2529) ในชื่อโครงการ “โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน”
โดย กฟน. มีแผนดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ที่ กฟน. ดูแลและรับผิดชอบระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และสมุทรปราการ ระยะทางรวม 236.1 กิโลเมตร มีกรอบระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่ปี 2527 – 2567 รวม 8 แผน ได้ดำเนินการ แล้วเสร็จ 48.6 กิโลเมตร
คงต้องยอมรับเรื่องการนำสายไฟฟ้าลงดินทั่ว กทม.และทั่วประเทศ เป็นงานหนักพอสมควร แต่คำถามที่ตามมาคือ ล่าช้าขนาดนี้?
วันที่ 15 ตุลาคม 2556 ครม.เห็นชอบ แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน รัชดาภิเษก ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในพื้นที่ถนนสายหลัก ในวงเงินลงทุนรวม 8,899.58 ล้านบาท
1 กันยายน 2558 ครม.เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. ดำเนินตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็น “มหานครแห่งอาเซียนของ” จำนวน 39 เส้นทาง ระยะทาง 127.3 กิโลเมตร กรอบวงเงินลงทุน 48,717.2 ล้านบาท
วันที่ 31 มกราคาม 2560 ครม.เห็นชอบให้ กฟน. ดำเนินตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุนรวม 9,088.8 ล้านบาท
วันที่ 9 มกราคม 2561 ครม.มีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง)
วันที่ 24 กันยายน 2562 ครม.มีมติรับทราบแผนงาน/โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จังหวัดนนทบุรี และสมุทรปราการ รวมระยะทาง 251.6 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2527-2564 รวม 5 แผนงาน ดำเนินการแล้วเสร็จ 46.6 กิโลเมตร ประกอบด้วย
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบในหลักการให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win) วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 3,673.40 ล้านบาท ระยะทางรวม 20.5 กิโลเมตร จำนวน 3 โครงการ
วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ครม.มีมติรับทราบรายงานผลดำเนินตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน (เดือนธันวาคม 2562) มีแผนงาน/โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ระยะทาง 167 กิโลเมตร จำนวน 3 แผนงาน
แผนการดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับ Quick Win) รวมระยะทาง 20.5 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 ประกอบด้วย
22 มิถุนายน 2565 กทม. หารือ กฟน. เดินหน้าจัดระเบียบสายไฟ-สื่อสารลงดินรวม 236 กม. พร้อมเชื่อมระบบร้องเรียนกับ Traffy Fondue
การไฟฟ้านครหลวงได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ระยะทาง 236.1 กิโลเมตร ดำเนินการแล้วเสร็จ 62 กิโลเมตร อยู่ระหว่างดำเนินการ 174.1 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า รองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต เสริมสร้างภูมิทัศน์ให้สวยงาม และเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
โครงการสายใต้ดินที่แล้วเสร็จ (คลิกที่นี่)
โดยมีหลักเกณฑ์การเลือกพื้นที่โครงการ ประกอบด้วย แนวถนนสายหลัก แนวรถไฟฟ้า ย่านธุรกิจและสถานที่สำคัญ และตามนโยบายของหน่วยงานผู้ดูแลพื้นที่ รูปแบบการก่อสร้าง ประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาสายไฟฟ้ารุงรัง ยุ่งเหยิง นอกจากจะสะท้อนถึงความล่าช้า ยังสะท้อนถึงการบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ ในกทม. อย่างมีประสิทธิภาพ คงต้องจับตาดูบทบาทของผู้ว่าฯ กทม.ในการจัดการกับความยุ่งเหยิงครั้งนี้
ที่ได้กำหนดนัดหมายหารือร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ในสัปดาห์หน้า ทั้งประเด็น ไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยบนท้องถนน ความปลอดภัยของหม้อแปลงไฟ และสายสื่อสารที่อยู่รวมกับเสาไฟฟ้า
ข้อมูล : การไฟฟ้านครหลวง