ตามความเป็นจริง เรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องใหญ่อะไร
เพราะการมีตำแหน่งแห่งหนนั้น เพื่อการปกครองซึ่งมีมาเนินนาน แต่ปัญหาคือ การคัดเลือกพระสงฆ์ที่จะได้รับตำแหน่งแห่งหนนั้น คือ ประเด็นสำคัญ
บางครั้งไปเลือกพระที่ชอบเป่าน้ำหมากขากน้ำมนต์ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง มามีตำแหน่งแห่งหนมันก็อาจเป็นการเลือกผิดฝาผิดงานได้
เพราะพระที่ปลุกเสกมักจะมีแนวคิดต่างกับพระกรรมฐานที่เพื่อความหลุดพ้น วิธีการปฏิบัติธรรมก็แตกต่างกัน
ดังนั้นการอวยยศให้พระกรรมฐานเป็นการเหมาะสมกว่าพระเกจิที่เป่าเสก
เหมือนกันพระสายปกครอง ตั้งแต่เจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ หรือเจ้าคณะตำบล ในวงการะระสงฆ์โดยมากเป็นพระดี
แต่พระที่เรียกรับผลประโยชน์ก็มีมากมาย อาศัยผ้าเหลืองคลุมกายห่มตอ บางเจ้าคณะก็ไปดัดจริตสนิทกับการเมือง
อย่างเจ้าคณะตำบลบางตำบลในจังหวัดนนทบุรีก็ไปอาศัยแอบอิงกับการเมือง มีวัดไหนในอำเภอบางกรวยบ้างไหม ลองสืบสังเกตกันดู
ถ้ามีควรเลื่อนลดปลดย้ายเสีย พระดีไม่ควรไปยุ่งการเมือง ฝากสำนักพุทธศาสนา ไปสอดส่องด้วยจะเป็นการดี ตลอดทั้งเจ้าคณะอำเภอที่รีดไถควรปลดออกให้สิ้นอย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ในยุคนี้พระสงฆ์ที่มีตำแหน่งทางปกครอง ไม่ว่าจะใหญ่โตเพียงไหนถ้าไม่มีคุณธรรมก็ปลดออกให้สิ้น
โดยไม่ต้องรอใบเสร็จใดๆ ถ้าพฤติกรรมเชื่อได้ว่าเป็นไปในทางนั้นจริง การทำชั่วไม่ว่าคนหรือพระ หาใบเสร็จยากเช่นกัน
สมัยก่อนแค่ตำแหน่งฐานานุกรม ของพระราชาคณะเอามาซื้อขายและตั้งกันซ้ำซ้อนในราคาห้าหมื่นบาท เป็นการกระทำที่ต่ำคือยิ่งกว่าชั่ว โชคดียุคนี้ไม่มี
พระเณรรุ่นใหม่ ไม่อยากให้พระศาสนาปกครองแบบโบราณคือ สมบูรณาญาสิทธิราช อะไรๆ ก็แล้วแต่พระผู้ใหญ่
ซึ่งถ้าไปเจอพระความรู้น้อยด้อยปัญญาพูดอะไรเซ่อๆ ก็งานเข้าอีก
ดังนั้น ควรนำเอาความรู้เปรียญธรรมและความรู้กรรมฐานเป็นที่ตั้งโดยนิมนต์พระเหล่านี้มาเป็นเจ้าคณะการปกครอง น่าจะดีสุด เพื่อพุทธศาสนาที่งดงามตลอดไป