นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มสู่ Net Zero หรือปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ เพื่อให้สามารถบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ.2050 ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (CO26)
โดยได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างธุรกิจและสังคม (Creating Shared Value) ยึดหลักระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) เป็นแนวทางพัฒนา มุ่งให้ความสำคัญการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างชุมชนให้เข้มแข็งตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
ล่าสุด ธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ เซ็นทรัล รีเทล, เซ็นทรัลพัฒนา, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ได้ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดก่อตั้ง RE100 Thailand Club ซึ่งมีกลุ่มสมาชิกกว่า 500 บริษัท โดยมีเป้าหมายเพิ่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในระดับองค์กร ด้วยยุทธศาสตร์การลงมือทำจริง ซึ่งมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” - ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่เชื่อว่า ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อลงมือทำ และจะดียิ่งขึ้นหากทุกคนร่วมมือกันทำ
ปี 2564 ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัล ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 1,300 ล้านบาท โดยการสนับสนุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทำเกษตรอินทรีย์ และการพัฒนาตลาดขายให้กับชุมชน และโครงการ “เซ็นทรัลทำ” ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ 1,500 ไร่ และตั้งเป้าหมายลดปริมาณขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 30% ต่อปี ลดปริมาณขยะอาหารให้ได้ 10% ต่อปี และนำส่งขยะอินทรีย์ที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจ เพื่อเข้าสู่กระบวนจัดการที่เหมาะสมให้ได้เพิ่มมากขึ้น 10% ต่อปี เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและพื้นที่รอบศูนย์การค้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ในปี 2563-2564 กลุ่มเซ็นทรัลและธุรกิจในเครือ ดำเนินโครงการและกิจกรรม เช่น โครงการ “ฟื้นฟูป่า สร้างอาหารยั่งยืน อาหารปลอดภัย” ฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่ 1,000 ไร่ ของจังหวัดเชียงใหม่และน่าน สามารถกักเก็บคาร์บอน 39,353 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โครงการ “ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลด้วยการสร้างปะการังเทียม” 5,000 ต้น โครงการ “กาแฟภูชี้เดือนอนุรักษ์ป่า” โดยปลูกกาแฟควบคู่กับการอนุรักษ์ป่าในพื้นที่ 500 ไร่ ของจังหวัดเชียงราย โครงการ “ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย” ให้กับเกษตรกร 30,616 ครัวเรือนจากทั่วประเทศ”
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลมีการใช้ฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังตาหรือโซลาร์รูฟท็อป ศูนย์การค้า 17 สาขา เทียบเท่าการประหยัดพลังงาน 16,284 MWh อีกทั้งมีการติดตั้งสถานีชาร์ทรถไฟฟ้า (EV Charger) 73 จุด ในศูนย์การค้า 24 แห่ง และยังมีแผนที่จะขยายและเพิ่มปริมาณจุดบริการในศูนย์การค้าในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งทำโครงการเปลี่ยนเครืองทำความเย็น เพื่อลดผลกระทบภาวะเรือนกระกจากสารทำความเย็น ทำให้สามารถช่วยลดผลกระทบได้ถึง 700 เท่า และยังช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้ยังดำเนินการติดตั้งต่อเนื่อง
รวมถึงได้ติดตั้งแผงงระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคา โรงแรมเซ็นทารา ราสฟูจี รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์ ที่สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนได้ประมาณ 40% ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมด เทียบเท่าการประหยัดพลังงานรวม 307,000 kWh ต่อปี และติดตั้งระบบเครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแงอาทิตย์ ที่สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 15,000 -200,000 kWh ต่อปีในแต่ละโรงแรม และยังติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว เพื่อควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าและแสงสว่างในห้องพักของโรงแรมอีกด้วย รวมถึงการดำเนินงานจัดการขยะและระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน มีการนำถุงพลาสติกวนกลับมาใช้ซ้ำ พร้อมส่งเข้าสู่การรีไซเคิลได้จำนวน 518,000 ใบ และจัดการขยะอาหารและอาหารส่วนเกินรวม 454 ตัน ทั้งหมดนี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 56,287 ตันคาร์บอนได ออกไซด์เทียบเท่า
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลยังได้นำระบบบันทึกปริมาณขยะที่ถูกคัดแยกภายในศูนย์การค้าผ่าน CPN Waste Management ซึ่งเป็นเพลตฟอร์มที่เชื่อมการทำงานตั้งแต่ต้นทาง เพื่อรายงานผลจากทุกศูนย์การค้า ร่วมกับกิจกรรมที่ทำกับภาคีความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการคัดแยกขยะต้นทาง และนำสู่การจัดการที่ปลายทาง เช่น การรีไซเคิล ที่มีทั้งโครงการคัดแยกขยะอินทรีย์ รวม 450 ตัน โดย CPN นำร่อง 6 ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ และนนทบุรี ร่วมกับ สำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร เทศบาลนครนนทบุรี ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าเช่า และ พนักงาน คัดแยกขยะอินทรีย์สู่การแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และก๊าซชีวภาพ รวมไปถึงการติดตั้งจุดเก็บรวบรวม ขยะอิเล็คทรอนิกส์ (E-waste) ร่วมกับ AIS ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 34 จุดทุกสาขาทั่วประเทศ โดยสามารถเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ ได้ 1,942 กิโลกรัม