ใครมีแพลนมาเที่ยวเชียงใหม่ พลาดไม่ได้ กับประสบการณ์ไดนิ่ง Chef’s Table คอนเซปต์ศิลปะประกอบอาหารด้วยดอกไม้ทานได้ (Edible Flower) ผสานสไตล์ “โอมากาเสะ” ณ บ้านวสุนธารา สวนเกษตรอินทรีย์ & โฮมสเตย์ ในโลเคชั่น อำเภอสันทราย จ.เชียงใหม่
บนพื้นที่ 14 ไร่ของที่นี่ คุณลุง “วิลาศ จุลกัลป์” ได้พลิกที่ดินให้กลายเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ 100% ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ ปลูกข้าว เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ขุดบ่อปลา ทำให้อาหารของที่นี่จึงทำมาจากวัตถุดิบท้องถิ่นออแกนิค 100%
บรรยากาศในการทานอาหารชิลล์มาก เพราะนั่งกินกันกลางสวนร่นรื่น ไม่ร้อนเลย ลมโชยตลอดๆ มีเปล กับ ชิงช้า ให้นั่งเล่นนอนเล่นอีกต่างหาก
ส่วนเมนูแต่ละวันไม่ซ้ำกัน ขึ้นอยู่กับเชฟคุณลุงวิลาศ ว่าจะทำเมนูอะไรมาให้เราได้ลิ้มลอง ซึ่งหลักๆจะขึ้นอยู่กับวัสถุดิบที่มีในสวน ดอกไม้ ผลไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกได้นั่นเอง
เมนูอาหารล้วนประกอบด้วยดอกไม้ทานได้ 5-6 เมนูต่อคอร์ส รวมอาหารและเครื่องดื่ม โดยเมนูแรกสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ เริ่มจากเครื่องดื่มแสนอร่อย “ เมนูน้ำมะพราวปั่น” เสิร์ฟพร้อมผลไม้ประจำฤดูกาล แตงโมสตอเบอรี่ เคปกู้ด เบอรี่ น้ำกับเนื้อมะพร้าวปั่นออกมาจนเนียนนุ่ม จิ๊บแล้วสดชื่น
ต่อด้วย “สลัดดอกไม้” เสิร์ฟมาในโหลแก้ว ที่แค่เปิดฝาลองดมดู จะได้กลิ่นหอมของดอกกุหลาบมอญ ทานคู่กับสลัดผัก ราดด้วยน้ำสลัดงาญี่ปุ่น ที่เชฟปรุงเอง จากน้ำมันถั่วเหลืองผสมน้ำมันงา
พาเรดต่อเลยกับ “เมี่ยงคำดอกไม้” เข้ากันดีมากเมื่อห่อใบชะพลู แล้วใส่ดอกไม้ ที่มีสารพัดดอก ไม่ว่าจะเป็น ดอกกุหลาบ อัญชัน ดาวเรือง ดอกอ่อมแซบ หรือบางครั้งก็จะมีดอกฟอร์เก็ตมีน็อตมาด้วย ตามด้วยกุ้งแห้ง หอมแดง มะพร้าวคั่ว ขิง มะนาว พริกขี้หนู ถั่วลิสงค์ ราดด้วยน้ำเมี่ยงคำหวานกำลังดี รสชาติเด็ดสุดๆ ช่วยเรื่องการปรับธาตุเจ้าเรือน ทั้งยังเป็นเมนูไฮไลต์ที่ทางร้านไปวางขายที่ตลาดจริงใจ ตลาดฮ้อตฮิตของเชียงใหม่
ถัดมาเป็น “ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน ใส่กุ้ง” รสชาติทานคำแรกอาจรู้สึกจืด แต่ทานไปเรื่อยๆรสเผ็ดเริ่มมา ได้อยู่
ต่อด้วย “ต้มส้มปลานิน” รสชาติกลมกล่อมเข้ากันดีกับหอมแดง ขมิ้น และพริก ทานได้เหมือนทานเป็นซุป
ก่อนต่อด้วย “ข้าวยำดอกไม้” ข้าวที่นี่จะเป็นข้าวหอมไชยา ข้าวหอมนิล ข้าวสินเหล็ก ซึ่งเป็นข้าวพันธ์พื้นเมือง ปลูกบนพื้นที่ 3 ไร่ ทานแล้วรู้สึกเลยว่าการทานข้าวที่เพิ่งสี ได้รสชาติแตกต่างจากข้าวปกติที่เราทานกันอยู่ทุกวัน เข้ากันดีกับน้ำยำ ใบมะกรูด และผักที่คลุกเคล้า
ปิดท้ายด้วย “กล้วยบวชชี” น้ำกะทิที่นี่ยกนิ้วให้เลย กว่า 3 ชั่วโมงของการกินจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ
คุณลุง “วิลาศ จุลกัลป์”เล่าว่าเดิมก็เป็นหนุ่มบ้านนอก ที่เข้าไปทำงานในเมืองกรุง ทำงานเป็นล่ามแปลภาษา แต่เมื่อมาอยู่ก็รู้สึกว่าทุกอย่างต้องซื้อกิน หาเงินมาก็ต้องซื้อข้าวกิน ไม่รู้อาหารปลอดภัย มีขั้นตอนปลูกอย่างไร เลยคิดว่าตอนอยู่ต่างจังหวัดพ่อแม่ก็ทานอาหารตามท้องถิ่นและสุขภาพดี
เลยคิดหาที่ดินสักแปลงในเชียงใหม่ตอนแรกก็คิดจะขึ้นเขา ทำร้านกาแฟเหมือนคนอื่น แต่ก็มองว่าคงไม่ใช่ความสุขของเรา จึงเลือกที่จะอยู่ในสวน ทำสวนเกษตรอินทรีย์ ที่ตอนแรกก็ปลูกเสร็จก็ขายคนก็ขายเยอะ หลังๆเลยส่งขายให้โรงแรมและร้านอาหาร จนล่าสุดมาเปิดเป็นร้านอาหารสไตล์เราเอง
ใครจะมาทานอาหารที่นี่แนะนำว่าต้องจองล่วงหน้าผ่านเซบุ๊ก Wilat Bann Wasunthara เพราะที่นี่จะรับได้ 2-10 คนต่อวันเท่านั้น ราคาอยู่ที่ 800 บาทต่อคน ซึ่งคิวยาวไปถึงเดือนมิถุนายนนี้แล้วจ๊ะ