ศิลปะการรับประทานอาหาร จัดว่าเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์การกิน ซึ่งหลายคนกำลังมองหาประสบการณ์ในการได้ลิ้มลองรสชาติอาหารแปลกใหม่ พร้อมๆไปกับการถ่ายรูปสวยๆชิคๆคูลๆท่ามกลางบรรยากาศสวยๆในห้องอาหารริมทะเล
แนะนำนี่เลย ‘โนมาดา’ (Nomada) ห้องอาหารสไตล์ Bar and Grill ในแบบฉบับอเมริกาใต้ ห้องอาหารใหม่สไตล์ทรอปิคอลริมทะเล ภายใน “โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน”
ค้นพบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นจากการใช้เปลวไฟในการปรุงอาหาร จากฝีมือ “อังเดร โจเซฟ นเว เซอเวอริโน” เชฟชาวชิลี
เสน่ห์ที่ลงตัวของห้องอาหารโนมาดา บาร์แอนด์กริลล์ ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากทรอปิคอล หรือ สวนเขตร้อน มีการใช้ลวดลายของชนเผ่ามาผสมสไตล์โคโลเนียลของรีสอร์ท ได้อย่างลงตัว
สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามอย่างมีสไตล์ โปร่งโล่งสบาย และอบอุ่น จุดนัดพบใหม่สำหรับแหล่งสังสรรค์และไดนิ่ง ริมชายหาดหัวหิน
การมานั่งทานอาหารริมทะเล ริมหาดหัวหิน ถ้าเป็นอาหารซีฟู้ด ก็มีหลายร้านอาหารให้เลือกมากมาย แต่ถ้าอยากได้รสสัมผัสอาหารแบบอเมริกาใต้ ต้องมาที่ โนมาดา บาร์แอนด์กริลล์ เพียงแห่งเดียว
เพราะเป็นห้องอาหารสไตล์อเมริกาใต้ แห่งแรกในหัวหินและในย่านนี้ ชื่อ “โนมาดา” เป็นภาษาสเปน หมายถึงชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ริมทะเลและใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่หาได้ในแต่ละท้องถิ่น
เอกลักษณ์ของอาหารในแบบฉบับอเมริกาใต้ จะเน้นปรุงอาหารโดยใช้เปลวไฟ ด้วยเตาย่างแบบเปิด ใช้ถ่านไม้ ไม่ใช้แก๊ส ซึ่งเชฟอังเดร ได้นำประสบการณ์ทำอาหารมากกว่า 20 ปี กับร้านอาหารชั้นนำหลายแห่งในเมืองซานติอาโก ประเทศชิลี
เช่น ร้านอาหาร Pulmay Restaurante ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารทะเลชั้นนำในเมืองซานดิอาโก และร้านอาหาร Kechua ที่โด่งดังด้านอาหารจากเปรู
วันนี้เชฟอังเดร เมนูเรียกน้ำย่อย ได้นำความเชี่ยวชาญเทคนิคการใช้ไฟในการปรุงอาหารตามสูตรพื้นเมืองในแถบอเมริกาใต้ ที่เน้นการคงรักษารสชาติความสด และรสสัมผัสดั้งเดิมของเนื้อสัตว์แต่ละชนิด มาให้บริการอยู่ที่ “โนมาดา”
โดยเชฟอังเดรจะเลือกใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นปลา เนื้อคุณภาพพรีเมี่ยม ผักผลไม้สดตามฤดูกาล รวมถึงผักบางชนิดที่นำมาจากฟาร์มออร์แกนิคของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ที่มีรสชาติและรสสัมผัสใกล้เคียงกับวัตถุดิบในอเมริกาใต้ ก่อนจะนำมาดัดแปลงและปรุงเป็นอาหาร
ไม่ว่าจะเป็น เซวิเช่ ไปจนถึงการปิ้งย่างเนื้อสัตว์และอาหารทะเลชนิดต่างๆ รังสรรค์เป็นเมนูเรียกน้ำย่อย เมนูจานหลัก และเมนูของหวาน ทำให้ทุกจานมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์
ที่ดีงามมาก คือ อาหารในแต่ละจานที่เสิร์ฟ จะเป็นลักษณะแชร์ริ่ง เราเลยเลือกทานได้ทุกจาน อีกจุดเด่นคือ อาหารอเมริกาใต้จะใส่พริก แต่เมื่อลองทานคู่กับอาหาร จะได้รสสัมผัสที่ลงตัว ซึ่งพริกจะไม่ได้มีรสเผ็ดเหมือนพริกของประเทศไทย
คนที่ไม่ทานเผ็ดก็สามารถทานได้ ราคาอาหารถ้าเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย จะเริ่มต้นที่ 350 บาท++ ส่วนเมนูจานหลัก เริ่มต้น 650++ บาท ขณะที่เมนูของหวาน ราคา 220++ บาทต่อรายการ
เมนูไฮไลท์ ถ้าเป็น เมนูกริลล์ แนะนำ “เนื้อวัวพรีเมียม” (รวมถึงแองกัสโทมาฮอว์กที่เลี้ยงด้วยธัญพืช 120 วัน ริบอายและเทนเดอร์ลอยน์ และปิกันญ่าที่ปรุงอย่างช้าๆ)
ถ้าคุณไม่ทานเนื้อวัว ก็มีเมนู “ปลากระพงแดงหมักเครื่องเทศย่าง” และ “ปลาหมึกหมักไวน์ขาว” ซึ่งปลากระพงแดง และปลาหมึก มาจากมหาสมุทรอินเดีย
“ไก่หมักซอสพริกเปรู” ที่หมักข้ามคืน ก่อนกริลล์ ปรุงออกมาได้เนื้อนุ่มหนังกรอบ
“เนื้อปูรมควัน” รวมไปถึง “ไส้กรอกย่างแบบอาร์เจนติน่า” ทานคู่กับผักย่างบนเตาถ่าน มันฝรั่งอบ
ก่อนจะปิดท้ายด้วยของหวาน อย่าง สับปะรดย่างและรมควันทานคู่ซอสทอฟฟี่และไอศกรีมมะพร้าวแบบโฮมเมด
ขณะที่ความพิเศษของเมนูค็อกเทล ในส่วนที่เป็นบีช บาร์ ของ “โนมาดา” คือ ทำจากผลไม้สด สมุนไพรและพฤกษศาสตร์ ที่มีทั้งรสชาติที่สดใหม่ และกลิ่นหอมช่วยผ่อนคลาย ที่เชฟอังเดร คัดสรรเฉพาะส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมนูค็อกเทลที่มีให้เลือกหลายหลาย
อาทิ AT THE SHORE (รัม, ส้ม, กล้วยคาราเมล, โหระพา และสับปะรด), และ TEGRONI (เตกีล่า คัมพารี ส้มเผา เวอร์มุตหวาน) ให้เราได้เพลิดเพลินขณะดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ ตกดินที่ชายหาด
โนมาดา ไม่เพียงสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำ แต่ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การได้สัมผัสกับอาหารในมุมมองใหม่ๆ ที่ทำให้มื้อกลางวันและมื้อเย็น เต็มไปด้วยสีสัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊กไปได้ที่ คลิ๊กที่นี่
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,797 วันที่ 3- 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565