ใครเคยมาพัก “บาบา บีช คลับ หัวหิน” หลายคนคงนึกถึงห้องพักสไตล์ ลักชัวรี พูลวิลล่าสุดเอ็กคลูซีฟ ริมหาดหัวหิน ดีไซน์นีโอโคโลเนียล หนึ่งในโรงแรมลูกของ “ศรีพันวา ภูเก็ต” ที่มาในแบบสุขุมลุ่มลึก ผสมผสานความเป็น Music Lovers Hotel เหมาะกับคู่รัก และคนรักสงบ
ล่าสุดโรงแรมได้เปิดโซนใหม่ “Habita Seaview” (ฮาบิต้า ซีวิว) เป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ของโรงแรมที่ปังมากๆ ดูราคาแล้วถ้าไม่นับห้องสวีทสุดหรูที่มีอยู่เพียงห้องเดียวของโซนนี้โดยรวมก็ถือว่าราคาไม่แรงมากเหมือนวิงส์แรก แต่ก็พักหรูอยู่สบายเหมือนกัน
ฮาบิต้า ซีวิว เป็นตึกที่ถัดออกมาจากหน้าหาด มีทั้งหมด 47 ห้อง แม้ไม่มีพูลวิลล่าทุกห้องเป็นจุดขายเหมือนโซนแรก แต่ด้วยความสูงของโรงแรม 12 ชั้น ก็ทำให้การเข้าพักในทุกห้องเราดื่มด่ำวิวทะเลได้เต็มๆ ไม่มีไรมาบดบัง เรามองเห็นอาทิตย์ขึ้นได้จากห้องเลย น่าหลงใหลสุดๆ
เราชิลล์มากเลยนั่งๆ นอนๆ บนเก้าอี้ดีไซน์เก๋ ไม่ว่าจะเป็นโซฟาเบด หรือเก้าอี้โยกที่ระเบียง ชมวิวหายใจรับวิตามิน Sea ได้เต็มปอดเลย หรือจะนอนบนเตียงใหญ่ ดูทะเลสวยฟ้าใส ก็เพลินสุดๆ
แม้ตัวโรงแรมจะอยู่บนตึกแบบโลว์ไรซ์ แต่การออกแบบบอกเลยว่าทั้งหรูหราและเก๋มาก นำความเป็นโคโลเนียลมาผสมผสานกับความร่วมสมัย
ห้องพักภายในตึกนี้ใหญ่มาก ขนาดห้องเริ่มต้น “บาบา สวีท” ก็มีพื้นที่มากถึง 63 ตร.ม.แล้ว ส่วนห้อง Top สุด คือ “มาม่า เพนต์เฮาส์” ขนาด 355 ตร.ม.
ทั้งชั้นมีแค่ห้องนี้ห้องเดียว Top สุดของที่นี่ ภายในห้องเพนต์เฮาส์นี้มี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมด้วยสระว่ายน้ำสีทองสุดหรูขนาด 110 ตร.ม.ยาว 30 เมตร หันหน้ารับวิวทะเลพาโนรามา ห้องนี้เพิ่งจะเปิดตัวราคาขายเริ่มต้นที่ 4.8 หมื่นบาทต่อ 4 ท่าน จากปกติ 8 หมื่นบาท
แต่สำหรับเราคงไม่สู้ ขอหยุดที่ห้องพักราคาหลักพันแบบสวีทก็เลิศแล้ว แทบจะไม่อยากออกจากห้องกันเลยทีเดียว เพราะบรรยากาศในห้องไม่เพียงซีวิว แต่กินพื้นที่กว้างขวาง
การตกแต่งในห้องพักก็หรูเลิศ เล่นแสงสีดูน่าหลงใหล มินิบาร์ใหญ่แถมทานฟรีด้วย เราก็จะวนเวียนกันอยู่แถวมุม Living Room
ยิ่งถ้าเรามาเป็นครอบครัว แนะว่าให้เปิด 2 ห้องเป็นห้อง “บาบา แกรนด์ สวีท คอนเนอร์” ซึ่งอยู่ตรงหัวมุม และ ห้อง “บาบา แกรนด์ สวีท” ที่จะมีประตูเปิดถึงกันเป็นคอนเน็กติ้งรูม เฮฮาเลยทั้งครอบครัว
โดนสุดๆ คือห้องน้ำอลังการมากกินแนวยาวไปจนถึงระเบียง แถมมีโฟมบาร์ทให้ด้วย
พลาดไม่ได้เลยกับการตีฟองขาวนอนแช่ตัวเพลินๆ พร้อมๆ ไปกับมองทะเลที่ในแต่ละช่วงเวลาของวัน ก็จะให้บรรยากาศแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นอาทิตย์ขึ้นยามเช้า หรือถ้าอยากได้ฉากฟ้าใสทะเลสวย แนะนำตอนช่วง 10-11 โมง คือดีงาม
ไหนๆ มาทะเลทั้งทีจะอยู่แต่ในห้องคงไม่ได้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้เราทำเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “คูลสปา” สำหรับคนชอบทำทรีตเม้นท์
ส่วนสายออกกำลังกายต้องไม่พลาด “Baba Fit” ฟิตเนสที่มีทั้งโซนออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง มีสนามมวยด้วยนะ
ถ้ามีเด็กมาด้วย รับรองคลุกอยู่แถว “Baba Kidz” เด็กเล็กจะชอบมากเพราะมีสไลเดอร์ เชือกปีนป่าย ของเล่นเสริมทักษะมากมาย
แต่ถ้าเป็นเด็กโตสักหน่อยหรือผู้ใหญ่อย่างเรา ขอแวะไปที่ “Baba Lounge” ซึ่งอยู่ชั้นล่างของโรงแรม นั่งดื่มไปพร้อม ๆกับเล่นโต๊ะพูล รอเวลาแดดร่มลมตกแล้วค่อยออกไปเล่นน้ำ
สระว่ายน้ำที่นี่ ถ้าชอบสีสันความสนุกสนาน สระว่ายน้ำในโซนที่เราพักอยู่ถือว่าตอบโจทย์
แต่ใครที่ชอบสระว่ายน้ำติดริมหาด ก็เดินถัดออกไปนิด ก็จะเป็นสระหน้าชายหาด
หรือจะไปเดินเล่นเล่นน้ำทะเล ก็ได้ใจ เพราะชายหาดที่นี่ขาวเนียน ทอดยาวกว่า 160 เมตร
สำหรับแหล่งไดนิ่งในโรงแรม คือ เลอค่า มื้อเช้าในห้องอาหาร “บาบา โซลฟู้ด” นอกจากเราจะเลือกตั้งอาหารได้หลากหลายในไลน์บุฟเฟ่ต์แล้ว
เรายังสามารถสั่งเลือกสั่งอาหารได้จากเมนู ซิกเนเจอร์เมนูคือ Eggs Benedict ราดด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล ทั้งอร่อยและหอมกลิ่นทรัฟเฟิล
ขณะที่ในมื้อดินเนอร์ ห้องอาหารแห่งนี้ ก็จะมีไฮไลต์อาหารไทย-อาหารใต้ ทานแล้วคือใช่ ซิกเนเจอร์เมนู มีทั้งปลาจาระเม็ดหม้อไฟ ปลาจาระเม็ดตัวใหญ่ แล่เนื้อชิ้นโต ปลาสดมากกก ลวกในน้ำซุปรสชาติกลมกล่อม น้ำซุปหวานอร่อย
ตามมาด้วย ปูผัดมะนาว เนื้อปูก้อนๆ เนื้อเน้นๆ ผัดมะนาวรสชาติดี แกงปู กุ้งทอดซอสมะขาม กุ้งตัวโตราดซอสมะขามได้รสชาติเปรี้ยวอมหวานกำลังดี หมูฮ้อง.ยกเมนูต้นตำรับจากภูเก็ตมาไว้ที่หัวหิน หมูสามชั้นเปื่อยนุ่มเข้าเนื้อหวานเค็ม อร่อยรสชาติเข้มข้น กุ้งผัดสะตอ คือพลาดไม่ได้
อาหารทุกเมนูทานแล้วจะรู้เลยว่าวัตถุดิบสดใหม่ รสเข้มข้นจัดจ้านในสไตล์บาบา โซลฟู้ด ของศรีพันวา ยกมาไว้ที่นี่
ตบท้ายด้วยขนมไทย วุ้นน้ำกะทิตาลโตนด และ สาคูมะพร้าวอ่อน หอมมันกะทิ หวานละมุน
บรรยากาศในห้องอาหารก็ดูโอ่โถง สไตล์วินเทจแบบยุโรป และที่เตะตาคือ โคมไฟระย้า ทำจากเชือกธรรมชาติประดับด้วยคริสตัลเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก
ส่วนถ้าอยากทานอาหารฟิวชั่นในแบบอาหารไทยหรืออาหารนานาชาติ โรงแรมก็ยังมี “บ้านโชค” ร้านอาหารและคาเฟ่ริมทะเล บ้านเก่าของตระกูลโชควัฒนา ที่ถูกเนรมิตใหม่ในดีไซน์ดั้งเดิม สวยคลาสสิกมีหลายเมนูให้เลือก
แต่ที่พลาดไม่ได้คือ การฟินไปกับอาฟเตอร์นูนที ซึ่งมีขนมหวานกว่า 7 ชนิดให้เราเลือกทานพร้อมชาหรือกาแฟ ทานแล้วบอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่หน้าตาสวย แต่ขนมยังอร่อยมากด้วย
เรียกได้ว่าทริปนี้เราปักหมุด กิน เที่ยว พัก กันจนเต็มอิ่มแถมได้ภาพสวยๆ กลับไปสร้างคอนเท้นท์ส่วนตัวกันอีกเพียบเลยจ๊ะ
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,819 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2565