กระบี่ไม่ได้มีจุดขายแค่ทะเล แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดให้คนไม่ชอบทะเลก็ฟินได้ เราจะพาไปชี้เป้าชมความอัศจรรย์ของอีกโลกหนึ่งท่ามกลางป่าชายเลน เผชิญหน้ากับ “หุบเขาปีศาจ”
เวลเนสด้วยวารีบำบัด ณ “น้ำพุร้อนเค็ม” หนึ่งเดียวในเมืองไทย หร่อยแรงกับร้านอาหารเด็ดถิ่นใต้
พายคายัคท่อง “หุบเขาปีศาจ”
เช้าๆนี้ที่กระบี่ เราปักหมุดกันที่ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านไหนหนัง” บ้านควนโอ เพื่อล่องเรือหางยาว (เรือหัวโทง) ไปค้นพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรป่าชายเลนกว่า 700 ไร่ รอยต่อระหว่างอ.เมือง และอ.อ่าวลึก
ตลอดสองข้างทางที่เรือล่องออกจากคลองวังโต๊ะเต่า เราสัมผัสได้ถึงความเขียวขจีอันสมบูรณ์ด้วยป่าโกงกาง ลำพู ตะบูน แสม กระชังปลาของชาวประมงพื้นบ้าน
รวมถึงความแปลกตาของเทือกเขาหินปูนหลายลูก ซึ่งถูกกัดกร่อนด้วยแรงลมและน้ำฝนน้ำ ทำให้ภูเขาแต่ละลูกดูแปลกตา
หนึ่งในนั้น คือ “ภูเขากาโรส” ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดโดยคำว่า “กาโรส” ภาษามลายู แปลว่า ไม่สวย หรือ น่าเกลียด ทั้งจากแนวภูเขากาโรสไป 5 กิโลเมตร ตะลึงมากกับ “หุบเขาปีศาจ”
หุบผาหน้าตาคล้ายปีศาจ ที่ดูเหมือนจะมี 2 อารมณ์ โดยตอนเช้าใบหน้าปีศาจจะออกเศร้าๆ และจะกลับมามีรอยยิ้มเมื่อโดนแดดเวลาบ่าย ในบางมุมก็หน้าตาคล้ายผีตาโขน
มาถึงเขากาโรส กิจกรรมไฮไลต์คือการพายเรือคายัค โดยพี่ไกด์ชุมชน จะนำเราพายคายัค ล่องลากูน ศึกษาเส้นทางธรรมชาติรอบตัว
ดื่มด่ำธรรมชาติผืนป่าชายเลน สารพัดพันธุ์ไม้ป่าชายเลน สัตว์ตัวน้อย กุ้ง หอย ปู ปลา ที่ยังต้องพึ่งป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาล ฟังเสียงนกร้อง จิ้งหรีด เรไร คือ ชิลล์มากกับการได้ฟังเสียงธรรมชาติ
ระหว่างทางตื่นตาตื่นใจไปกับการพายคายัคช่องลอดภูเขา ถ้ำลอด ชมรูปร่างของผาหินปูน ที่แต่ละคนก็ตีความของตัวเองว่าจุดที่หินถูกกัดกร่อนหน้าตาเหมือนอะไร
เวิ้งถ้ำ หินงอกหินย้อย ภาพเขียนสีโบราณตามบริเวณถ้ำและผาหินต่าง ๆ สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-5,000 ปี
พายคายัคชมธรรมชาติแบบสุขใจเลย ถ้ามาช่วง 9 โมง แดดไม่ร้อน เพราะด้วยโลเคชั่นของการพายเรือในอ่าวนี้ ถูกกั้นด้วยภูเขากาโรสและป่าโกงกาง ช่วยบังดวงอาทิตย์ และพายไม่เหนื่อยเลย เนื่องจากคลื่นลมสงบ
หลังเพลิดเพลินไปกับการพายคายัคกว่า 40 นาที ถึงเวลาขึ้นเรือหัวโทง มุ่งหน้าสู่ “หน้าต่างมนุษย์ถ้ำ” ไต่บันไดลิงขึ้นไป
ว๊าวเลย รอยโหว่ผนังถ้ำขนาดใหญ่ มองทะลุเห็นผืนน้ำ เหมือนกรอบรูป หรือ หน้าต่างขนาดใหญ่ เราต้องไม่พลาดไปโพสต์ภาพสวยๆทำท่าเท่ๆคูลๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งถ้ำตรงจุดนี้มี 2 ชั้น ที่ก็ให้ฟิวเก๋ๆในมุมมองที่แตกต่างกัน
ใครสนใจติดต่อได้ที่ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านไหนหนัง เพราะการนำทัวร์ช่วงเวลาที่เหมาะสม จะขึ้นอยู่กับระดับน้ำด้วยนั่นเอง
วารีบำบัดน้ำพุร้อนเค็ม คลองท่อม
ส่วนใครเป็นสายผ่อนคลาย ชอบเรื่องเวลเนส และวารีบำบัด อีกหนึ่งจุดขายของกระบี่ คือ เป็นแหล่งน้ำพุร้อนเค็ม แห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีแร่ธาตุกว่า 7 ชนิด มหัศจรรย์จากทรัพย์ใต้ดิน การมาแช่น้ำพุร้อนเค็ม อำเภอคลองท่อม เลือกได้ 2 แบบ
แบบที่ 1 เหมาะกับคนที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย ก็มาแช่น้ำพุร้อนเค็ม กันได้ที่ “น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม” อยู่บริเวณเขตป่าชายเลนคลองบางผึ้ง ที่บริหารจัดการโดยเทศบาลตำบลห้วยน้ำขาว จ่ายค่าบริการผู้ใหญ่อยู่ที่ 40 บาท/ครั้ง ก็ไปแช่น้ำพุร้อนเค็มของที่นี่ได้ ซึ่งมีกว่า 14 บ่อ
วัดระดับความเค็มได้ถึง 10 ppm อุณหภูมิน้ำในบ่อ จะอยู่ที่ราว 44 องศาเซลเซียส น้ำใสสะอาดสะท้อนกับท้องฟ้า เห็นเป็นสีมรกตเลย
แนะนำให้มาช่วงเย็น ไม่งั้นจะร้อนมาก นอกจากแช่แล้ว ก็ยังมีบริการนวดแผนไทยและนวดเพื่อสุขภาพด้วย
แบบที่ 2 จะเป็นส่วนการให้บริการของเอกชน คือ “Amataya Wellness” ที่นี่ทั้งบ่อแช่น้ำพุร้อนเค็ม ที่เป็นบ่อรวมแยกหญิง-ชาย ในห้องจะมี 3 บ่อ ไล่ระดับอุณหภูมิจากร้อนไปถึงเย็นสุดขั้ว ความเค็มเท่ากับน้ำเกลือในโรงพยาบาล สามารถลืมตาในน้ำได้เลย โดยน้ำที่นี่จะเปลี่ยนทุกวัน ไปจนถึง
บ่อส่วนตัว ในห้องวีไอพี ให้เลือกนอกแช่น้ำพุร้อนเค็มในบ่อหินอ่อน ดูลักชัวรีสุดๆ
หรือถ้ามาเป็นคู่ ก็แช่กันแบบสองต่อสองได้เลยในอ่าง Teak Bath
คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาแช่น้ำพุร้อนเค็ม ราว 45 นาที เพราะต้องค่อยๆลงน้ำที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันให้ร่างกายได้ปรับตัว ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ 40-47 องศาเซลเซียส แช่ไปก็ต้องขึ้นมาพักไป
ระหว่างพักที่นี่ก็มีอาหารว่างมาเสิร์ฟเราด้วยอีกต่างหาก
แช่น้ำเสร็จที่นี่ยังมีการเปิดให้บริการสปาบำบัดด้วย ทั้งนวดคลายเส้นแบบไทย นวดอโรม่าผ่อนคลาย ไปจนถึงนวดบำบัดอาการ ที่นวดโดยหมอนวดวัดโพธิ์ตัวจริง
ไม่ใช่แค่แช่น้ำพุร้อนเค็ม ที่นี่ยังมีห้องวารีบำบัด อุปกรณ์ทำกายภาพบำบัด พร้อมแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน มาจัดโปรแกรมดูแลผู้มีปัญหาเรื่องสุขภาพด้วย และมีห้องพักไว้บริการด้วย
สำหรับคนที่อยากมารักษาตัวเป็นอาทิตย์หรืออยู่เป็นเดือน โดยในห้องพักก็มีบ่อแช่น้ำพุร้อนเค็มส่วนตัวในห้องด้วยเช่นกัน ที่นี่จึงเป็นอาณาจักรแห่งการบำบัดและฟื้นฟูดูแลสุขภาพครบวงจร จากน้ำพุร้อนเค็มอย่างแท้จริง
ชี้เป้าร้านอาหารเด็ด เมืองกระบี่
มากระบี่ทั้งทีนอกจากเที่ยวสนุกแล้ว ต้องกินอร่อยด้วย เริ่มจากร้านแรกหลังลงเครื่อง พลาดไม่ได้เลยกับการแวะเติมพลังมื้อเช้ากันที่ “ร้านขนมจีนโกจ้อย” โลเคชั่นอำเภอเหนือคลอง แนะนำให้สั่งเมนูชุดรวม ที่จะมีทั้งน้ำยากะทิ แกงเขียวหวานไก่ แกงป่า แกงไตปลา น้ำยาปู น้ำพริก ทานคู่กับขนมจีนและผัก จะได้ชิมกันทุกรส อย่าลืมสั่งไก่ทอด กับห่อหมก มาทานคู่กันคือดีงามเลย
ส่วนใครอยากทานอาหารมื้อหนักที่มีให้เลือกหลายหลากเมนู แนะนำ “ร้านอาหารเรือนทิพย์” (สาขาคลองสน) ที่นี่ร้านอาหารใหญ่ร่มรื่น
เมนูเด็ด หอยนางรม สดมากๆ กุ้งอบเกลือ หอยชักตีน ปลาทรายทอดขมิ้น ขาหมูทอด สำหรับคนที่ชอบอาหารทะเลสดๆจากทะเล
ถ้าไปเที่ยวแถวคลองท่อม ไม่ไกลกันมีร้านอาหารบ้านๆ แต่วิวดี อาหารสดและอร่อย นี่เลย
“ร้านริมเล ซีฟู้ด” หมึก กุ้ง หอย ปู ปลา วัตถุดิบสดใหม่นำมาปรุงรสชาติจัดจ้าน นั่งกินริมทะเล ลมพัดเย็นสบายใจ เมนูแนะนำ ต้อง หมึกไข่ผัดน้ำดำ หมึกกรุบๆ ราดด้วยน้ำดำของหมึก ปรุงรสได้
หอมหวาน กลมกล่อม กุ้งซอสมะขาม อร่อยเว่อร์ กุ้งเนื้อเด้ง ที่ขาดไม่ได้คือ ปูนึ่ง เนื้อสัมผัสหวานอร่อย ไม่ต้องอาศัยน้ำจิ้มซีฟู้ดเลย
ใครอยู่แถวอ่าวนาง ถ้าอยากนั่งทานในร้านอาหารที่มีบรรยากาศเลิศๆ สวยๆ “แล เล กริล” น่าจะตอบโจทย์
ถ้าใครชอบโรตี พลาดไม่ได้ที่จะไปทานมื้อเช้ากันที่ร้าน “บางนรา ณ กระบี่” รสสัมผัสเนื้อโรตี ฟินมาก จะทานโรตีเปล่าๆใส่ไข่ ใส่นม น้ำตาล ใส่กล้วย ตามชอบ
หรือจะทานในแบบฉบับชาวใต้ อย่างโรตีน้ำแกง ที่ทานคู่กับแกงเนื้อ แกงไก่ ก็น่าลองมาก
ทั้งยังมีมะตะบะเนื้อ มะตะบะไก่ ไปจนถึงข้าวยำ ที่เลือกทานคู่กับเนื้อทอด หรือหมี่ผัด เข้ากันดี แถมราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 15 บาทไปจนถึง 70 บาท บอกได้เลยว่าติดใจ จนต้องบอกต่อ
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,891 วันที่ 28 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566