ใครเคยไปพัก “โรงแรมบ้านท้องทราย” รีสอร์ทเก่าแก่ 5 ดาว แห่งแรกที่อยู่คู่เกาะสมุย มาตั้งแต่ปี 2530 วันนี้ไม่ต้องแปลกใจ หากจะหาไม่เจอ เพราะไม่นานมานี้เจ้าของโรงแรม ได้พลิกโฉมเป็น “การ์รียา ท้องทราย เบย์ สมุย” (Garrya Tongsai Bay Samui) ดึง “การ์รียา” (Garrya) แบรนด์ใหม่ ในเครือบันยันทรี เข้ามาบริหารโรงแรมที่นี่เป็นแห่งแรกในไทย
รีสอร์ตแห่งนี้บอกเลยว่าตอบโจทย์คนชอบพักผ่อนในแบบส่วนตัว สงบเงียบ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดื่มด่ำธรรมชาติบำบัดร่างกายและจิตใจ เหมาะมากกับการมาฮีลใจสุดๆ
แลนด์สเคปของโรงแรมกว้างขวางมาก กินพื้นที่มากถึง 76ไร่ แต่มีจำนวนห้องพักเพียง 83 ห้อง ตอนนี้เปิดให้บริการอยู่ 63 ห้อง ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ของหาดเชิงมน ผสมผสานกลิ่นอายท้องถิ่นของสมุย ทำให้รูปลักษณ์ของรีสอร์ทออกแนวร่วมสมัยแต่เรียบง่าย
ห้องพักของโรงแรมมีให้เลือกมากถึง 11 รูมไทป์ ตั้งแต่ สวีท วิลล่า ไปจนถึงพูลวิวล่า ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ได้ฟีลความเขียวชอุ่มของพันธุ์ไม้เขตร้อน คู่ขนานไปกับทิวทัศน์ฟ้าใสทะเลสวย ของท้องทะเลอันดามันเบื้องหน้า ทั้งด้วยความที่อ่าวท้องทราย มีขนาดไม่ใหญ่ และเหมือนอยู่กลางเวิ้งเขา ทำให้อ่าวนี้จึงไม่ต่างจากหาดส่วนตัวเลย
พักที่นี่เราจะได้ฟังเสียงธรรมชาติ เสียงแมลง เสียงนกร้อง ซึ่งบริเวณโรงแรมมีนกให้ส่องดูมากถึง 82 ชนิด ไม่รู้จักไม่เป็นไร เพราะโรงแรมจะมีสมุดภาพรูปนกสายพันธ์ต่างๆให้เราเห็นเป็นไกด์ไลน์
ทั้งเรายังสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ในแบบ “Asian Wellbeing” (เอเชี่ยน เวลบีอิ้ง) ตลอดเวลาในระหว่างที่เข้าพักด้วย
เรียกได้ว่าตรงกับคอนเซ็ปต์วันพักผ่อนดีๆ ของแบรนด์การ์รียา ที่เน้นการให้บริการที่เราจะได้ฟิลในแบบปรับสมดุลเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ผ่อนคลายสุขภาพ สุขใจ ได้อย่างแท้จริง เราเห็นได้ถึงการใส่ใจในเรื่องของเวลบีอิ้งของโรงแรมชัดมาก ไม่ว่าจะภายใน “ห้องพัก” ที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้านตัวเอง แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ภายในห้องพักจะไม่มีการใช้แสงไฟสีฟ้า แต่จะใช้แสงวอร์มไวท์ ดูสบายตา แถมยังได้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยในห้องพัก ที่เป็นกลิ่นจัสมินกรีนที ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หลับสบายเลย
แต่ใครเป็นคนนอนหลับยาก สามารถรีเควสขอ “ชุดพีลาทีส” Rest Kit ซึ่งจะมีหน้ากากปิดตา ear plug และ pillow mist มาส่งให้ถึงห้องเป็นตัวช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งกว่าเดิม
ไม่พ้นแม้แต่ห้องอาหารต่างๆในโรงแรม ที่ในเมนู จะมีระบุให้เรารู้เลยว่าเมนูไหนเป็นอาหารจานซิกเนเจอร์ หรือเมนูไหนจะเป็นอาหารในแบบเวลบีอิ้ง รวมไปถึงอาหารไร้เนื้อสัตว์ หรือ Vegetarian โดนใจสายมังสวิรัติสุดๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องกินดีเท่านั้น การบำบัดร่างกายและจิตใจ ก็เป็นสิ่งดีๆที่เราสัมผัสได้ ชอบมากกับการตื่นมาสัมผัสแสงแรกของวัน ปล่อยใจไปภาพความสวยงามยามพระอาทิตย์ ขึ้นเหนือหาดเชิงมน อันเงียบสงบ
จากนั้นก็เดินต่อไปยัง “Contemplative Pockets” มุมสงบ ที่ทำให้เราได้ซัมซับพลังงานธรรมชาติของท้องทะเล และโขดหิน รอบกาย สูดพลังงานบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายและจิตใจ
จะให้ดีแนะนำให้ยืม “Mindfulness Kit” จากพนักงานต้อนรับ ที่จะมี singing bowl ให้เราใช้คลื่นเสียงบำบัดตัวเอง ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ใครเป็นสายออกกำลังกายตื่นมาโยคะ จะรู้สึกดีมาก ซึ่งในแต่ละวันโรงแรมก็จะมีกิจกรรมออกกำลังกายที่หลากหลาย โยคะเสร็จแล้ว จะต่อด้วยการเข้าฟิตเนส หรือเล่นเทนนิส โรงแรมก็มีบริการในส่วนนี้อยู่
หรือถ้าอยากเอ็กเซอร์ไซส์ในแบบส่วนตัว ก็ยังสามารถขอชุด “Fitness Kit” ที่จะมีอุปกรณ์ออกกำลังกายเบื้องต้น อาทิ ลูกบอล, เสื่อโยคะ, ดัมบ์เบล, โยคะบล็อก และลูกกลิ้งคลายกล้ามเนื้อ ให้เรายืมเล่นในห้องพักได้ด้วย
ส่วนเราไม่ได้เป็นสายออกกำลังกายจริงจังขนาดนั้น เลยเลือกที่จะเดินขึ้นจุดวิวพ้อยท์ในโรงแรม ก็ได้ฟิลเดินเขา ชมวิวมุมสูงในแบบ 180 องศา แถมได้เหงื่อพอควร ใครมากับเด็กๆก็พาไปได้ด้วย เพราะโรงแรมจะมีไกด์นำทาง เดินได้ไม่ต้องกลัวหลง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสำหรับกิจกรรมยามเช้าที่ไม่ควรพลาด หรือจะเดินชมธรรมชาติพร้อมสำรวจสัตว์ภายในโรงแรม ก็เติมเต็มวันหยุดสุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
ระหว่างวันการทำทรีตเม้นท์ ณ “8LEMENTS SPA” เป็นอีกศาสตร์ของเวลบีอิ้ง ซิกเนเจอร์ทรีตเม้นท์ คือ “Deep Bodywork Massage” ผ่อนคลายไปกับการนวดที่เป็นธรรมชาติ เติมเต็มพลังงานและสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย
ใครมีเด็กน้อยมาด้วย ก็ชื่นชอบที่จะอยู่ใน “Kids ‘Club” ริมทะเล เล่นกิจกรรมหลากหลาย อย่าง เวิร์คช็อปงานศิลปะจากใบไม้ พับผ้าขนหนูรูปสัตว์ รวมทั้งชั้นเรียนตกแต่งคุกกี้
ตกเย็นคนไทยอย่างเราๆชอบสุด คือ การไปว่ายน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ สระหนึ่งให้บริการสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น เพื่อไม่ได้วุ่นวาย ส่วนสระอีกด้าน จะเป็นสระสำหรับครอบครัว โดยทั้งสองสระมองเห็นวิวทะเลแบบ 180 องศา เล่นสระสักพัก ต่อด้วยการเล่นทะเลคือใช่เลย
ความแปลกของอ่าวท้องทราย ณ จุดนี้ เป็นหาดที่เต็มไปด้วยหินเล็กๆเนื้อละเอียด เรียงกันเป็นผืนหาดทราย
เดินชายหาดไม่เจ็บเท้า เล่นน้ำ หรือ กิจกรรมทางน้ำได้ปลอดภัย และข้อดีคือน้ำใสแจ๋วเลยจ๊ะ
ทั้งบริเวณชายหาดยังมีโขดหินขนาดใหญ่หลายลูก ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์ของชายหาดแห่งนี้ ที่ให้ฟิลเหมือนกำลังติดเกาะส่วนตัวเลย
อีกไฮไลต์ของ การ์รียา ท้องทราย เบย์ สมุย คือ เป็นโรงแรมอนุรักษ์ธรรมชาติมากๆ ที่ทำมานานกว่า 35 ปีแล้ว ตั้งแต่การจัดการขยะอาหาร(food waste) นำมาทำปุ๋ยหมักในฟาร์มออร์แกนิกของโรงแรม การบำบัดน้ำที่ใช้แล้ว มาใช้ประโยชน์ในการลดน้ำต้นไม้
รวมถึงการลดการใช้พลาสติกทุกประเภท ซึ่งที่นี่จะมี “The Nest” ร้านขายของที่ระลึกของรีสอร์ท ที่ให้บริการกาแฟ ชาออร์แกนิกจากเชียงใหม่ พร้อมตู้น้ำดื่มฟรี โดยเราสามารถนำขวดน้ำดื่มส่วนตัวมาเติมได้เลย และพุ่งเป้าไปสู่การเป็นโรงแรมสีเขียวแบบ 100% ถูกใจคนรักษ์โลกอย่างเรามาก
การได้ผ่อนคลายในแบบเวลบีอิ้ง ไปพร้อมๆกับการพักผ่อนแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงความเฟรนลี่ในการให้บริการของพนักงาน ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายลูกค้าจากใจ ไปจนถึงการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทำให้เราประทับใจมาก ไปพักก็หลายโรงแรม แต่การบริการที่นี่เราเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ไว้คราวหน้าถ้าอยากจะฮีลใจ ก็จะมาพักที่นี่อีกแน่นอน
ปักหมุด 3 จุดไดนิ่งสุดฟิน
การ์รียา ท้องทราย เบย์ สมุย มีห้องอาหาร 3 แห่ง เน้นบรรยากาศโอเพ่น แอร์ เน้นรสชาติแบบท้องถิ่น โดยห้องอาหาร “หรอย หรอย” ให้บริการมื้อเช้า จัดเต็มขนมอบแบบโฮมเมด น้ำผลไม้สดๆตามฤดูกาลจากบาร์น้ำผลไม้ ใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่จากท้องถิ่น เพื่อหลักเลี่ยงและลดมลพิษจากการขนส่ง
ทั้งหรอยๆ ยังเป็นห้องอาหารที่ให้บริการอาหารไทยรสชาติจัดจ้านตามสูตรต้นตำรับ ในมื้อค่ำด้วย แนะนำให้สั่งเซ็ทเมนู ตำรับไทย มาเลย “หรอยหรอย เพลสเตอร์” สตาร์ทเตอร์รวม อาหารไทยเรียกน้ำย่อย คำเล็กๆ ได้แก่ ถุงทองเมี่ยงคำ สะเต๊ะ ปะเปี๊ยะกุ้งทอด ท้องทรายสลัด น้ำสลัดแบบไทยๆ มีถั่วน้ำผึ้ง
ตามมาด้วย “สมุยปิ่นโต” อาหารใต้ รสสัมผัส แกงส้ม (ปลาอินทรีย์) หมูโค (หมูสามชั้นคั่วเกลือ) ปลาหมึกต้มกะทิลูกตะลิงปิง
ตบท้ายด้วยของหวานขนม อย่างทาร์ตขนมหม้อแกง โคโคนัทเมอแรง รสเค็มนิดๆตัดของหวาน ขนมสาลี ขนมถ้วยกะทิสด
ขณะที่ “Fish Tales” เป็นร้านอาหารริมทะเล เน้นอาหารทะเลสดใหม่จากท้องถิ่น มารังสรรค์เมนูอาหารทั้งแบบไทยและแบบตะวันตก ให้บริการแบบออลเดย์ไดนิ่ง
เมนูเด็ด "Fish Tales ซีซาร์สลัด" ที่มาปรุงกันให้ดูถึงโต๊ะ พร้อมล็อบสเตอร์เนื้อนุ่ม "Fish Tales Extravaganza" ซีฟู้ดกริลล์ จัดเต็มอาหารทะเลมากมาย รวมถึงเมนู พาสต้า พิซซ่า และเมนูมังสวิรัติ ให้เลือกอีกมากมาย
ส่วน “EVOL” เป็นห้องอาหารที่เอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึงอาหารมังสวิรัติ วัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากท้องถิ่นและ จากฟาร์มออร์แกนิคของรีสอร์ท EVOL ให้มากกว่าประสบการณ์การรับประทานอาหาร
แต่เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์จากธรรมชาติรวมเข้ากับศิลปะของการปรุงอาหาร เพื่อสร้างประสบการณ์การและแรงบันดาลใจในการรับประทานอาหาร ซึ่งไม่เพียงแค่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่สมดุลอีกด้วย
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,897 วันที่ 18 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566