"ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน" เป็นคำขวัญประจำจังหวัดของยะลา จังหวัดเดียวในประเทศไทย ที่มีผังเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงามที่สุด จุดเด่นของผังเมืองยะลา คือ มีถนนกว่า 400 สาย ตัดเชื่อมต่อกันเหมือนใยแมงมุม มีวงเวียนซ้อนกัน 3 วง คล้ายกรุงปารีส ฝรั่งเศส และแบ่งพื้นที่เป็นโซนนิ่งชัดเจน
ยะลามีอาณาเขตทางใต้ติดกับมาเลเซีย และเป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่ติดทะเล ทั้งยังมีความน่าสนใจตรงที่เป็นจังหวัดที่ผสมผสานวิถีชีวิตของชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม และชาวไทยจีน ไว้ด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง ลักษณะบ้านเรือน และวิถีความเชื่อที่แตกต่างนั้น ทำให้ยะลาเป็นจุดหมายที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการเรียนรู้เรื่องราวของผู้คน ลองมาดูว่า ถ้ามายะลาจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี
10 สถานที่น่าเที่ยวของ จ.ยะลา
1. ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวยะลา ถนนพุทธภูมิวิถี
ภายในศาลเจ้า ประดิษฐานรูปเหมือนเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ แป๊ะกง และองค์พระองค์อื่น ๆ ที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ ทุกปีหลังวันตรุษจีน 15 วัน มูลนิธิแม่กอเหนี่ยว (ฉื่อเซียงตึ้ง) ยะลา จะจัดงานแห่พระลุยไฟซึ่งมีผู้ศรัทธาเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก จังหวัดยะลาจัดงานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
2. วัดคูหาภิมุข ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา
ปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ เช่นเดียวกับพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช และพระบรมธาตุไชยา สุราษฎร์ธานี ซึ่งแสดงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในบริเวณนี้
บันไดขึ้นไปยังปากถ้ำมีรูปปั้นยักษ์ ชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าเขา” สร้างโดยช่างพื้นบ้านเมื่อปี 2484 ภายในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงใหญ่ ดัดแปลงเป็นศาสนสถาน มีปล่องที่เพดานถ้ำ ยามแสงแดดส่องลงมาดูสวยงามมาก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่ปี 1300 เป็นพระพุทธไสยาสน์สมัยศรีวิชัย มีขนาดความยาว 81 ฟุต 1 นิ้ว เชื่อกันว่าเดิมเป็นปางนารายณ์บรรทมสินธุ์ เพราะมีภาพนาคแผ่พังพานปกพระเศียร ต่อมาจึงได้ดัดแปลงเป็นพระพุทธไสยาสน์แบบหินยาน
3. จุดชมวิวสะพานโต๊ะกูแช ตำบลแม่หวาด
สะพานข้ามเขื่อนบางลาง เชื่อมต่อเส้นทางจากอำเภอเมืองยะลาไปยังอำเภอเบตง เป็นจุดพักรถ และชมวิวที่สวยงาม ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก
4. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง
บริเวณนี้เป็นพื้นที่ของเครื่อง และเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ทีโอที สูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต บนยอดเขามีอากาศเย็นสบาย สามารถชมทะเลหมอกได้ทั้งทิศตะวันออก และตะวันตก มีจุดให้ชมได้ 3 จุด สามารถชมได้ตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
5. ภาพวาดสตรีทอาร์ตในเมืองเบตง
ภาพวาดเรื่องราวสะท้อนวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมถึงสถานที่สำคัญของเบตง ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติให้เดินทางมาเที่ยวเบตง มีทั้งหมด 11 จุด สามารถเดินชมภาพวาดได้ตามจุดต่าง ๆ เช่น ผนัง กำแพง และตัวอาคารรอบ ๆ เมืองเบตง
6. อุโมงค์ปิยะมิตร ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง
เป็นอุโมงค์คดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาว 1 กิโลเมตร กว้าง 50-60 ฟุต มีทางเข้าออกหลายทาง เดิมเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ใช้เป็นที่หลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียง ด้านนอกอุโมงค์จัดนิทรรศการแสดงภาพประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตภายในป่า เปิดให้เข้าชมเวลา 08.00-16.30 น.
7. สวนดอกไม้เมืองหนาว หรือ สวนหมื่นบุปผา ตำบลตะเนาะแมเราะ
บริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี โดยแบ่งเป็นศูนย์ศึกษา และทดลองปลูก เนื่องจากพื้นที่นี้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีศักยภาพในการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด เช่น คาร์เนชั่น ลิลลี่ เบญจมาศ กุหลาบ และเยอร์บีร่า มีร้านอาหารและที่พัก
8. ล่องแก่งอัยเยอร์เวง
กิจกรรมผจญภัย มีหลายรูปแบบทั้งแบบเรือยาง และแบบห่วงยาง บริเวณแม่น้ำปัตตานีตอนบน ผ่านแก่งหินคดเคี้ยวตามธรรมชาติ มีอุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งยังมีโฮมสเตย์ให้บริการ
9. บ่อน้ำร้อนเบตง หมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ
พื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขา มีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่สำหรับแช่เท้าและห้องแช่ส่วนตัว สามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อย และรักษาโรคผิวหนังได้ อีกทั้งมีบ่อสำหรับต้มไข่ให้สุกได้ภายใน 7 นาที มีร้านค้าและที่พักบริการ
10. ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ตู้แรกตั้งอยู่ที่บริเวณมุมถนนสุขยางค์ สี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี 2467 ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีวิทยุกระจายเสียงอยู่ส่วนบนของตู้ จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่รายงานข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง และยังใช้เป็นตู้ไปรษณีย์มาจนทุกวันนี้
ปัจจุบัน ได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมบริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูง 9 เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย