“เวียดนาม” น่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ถ้าหากวันหยุดยาวนี้ เป้าหมายการท่องเที่ยว ของคุณคือต่างประเทศ ที่ไม่ไกลนัก ค่าใช้จ่ายสบายกระเป๋า อาหารการกินถูกปาก มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งแบบธรรมชาติ วัฒนธรรม และแอดเวนเจอร์ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกไปเวียดนามทั้งทางบกและทางอากาศ ซึ่งการขับรถจากหนองคายผ่านลาวไปเมืองวินห์ ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลของเวียดนามนั้น หากออกเช้าก็ถึงที่หมายได้ในตอนเย็นวันเดียวกัน หรือถ้าจะบินจากกรุงเทพไปฮานอย โฮจิมินห์ หรือดานัง ก็ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมง
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเวียดนามนั้น ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบดั้งเดิม นักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาดการเดินชมย่านเมืองเก่า พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ประวัติศาสตร์ในฮานอย หรือนั่งเรือ-เช่าเฮลิคอปเตอร์ชมอ่าวฮาลอง มรดกโลกทางธรณีวิทยา น้ำตกและเกาะหินปูนที่งดงาม อุโมงค์กู๋จีอันกว้างใหญ่ที่มีความสำคัญในสงครามเวียดนาม เมืองประวัติศาสตร์ฮอยอัน นครโฮจิมินห์ที่มีชีวิตชีวา หรือซาปา เมืองเล็กๆเปี่ยมเสน่ห์ในหุบเขาและม่านหมอก
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย เรามี 7 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่เชื่อว่าคุณจะต้องร้องว้าวมาแนะนำกัน
1) บาน่าฮิลล์ (Bana Hill) เมืองดานัง
ดานัง เป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม แถมยังเป็นแหล่งมรดกโลก แต่ถ้าคุณชอบความเขียวของป่าไม้และขุนเขา อย่าพลาดไปเยือน บาน่าฮิลส์รีสอร์ท ที่เพิ่งเปิดใหม่ ที่นี่มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็น “บาน่าเคเบิลคาร์” ที่ได้ชื่อว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก (11,587 เมตร) และ “สะพานทองคำ” หรือ Golden Bridge ซึ่งเป็นสะพานทอดยาวราว 150 เมตร ตั้งอยู่ในหุบเขาดูราวกับถูกตรึงไว้ด้วยมือหินยักษ์สองมือที่อยู่ข้างใต้สะพาน นักท่องเที่ยวอาจต้องรอคิวเพื่อถ่ายรูป ณ จุดถ่ายรูปที่ดีที่สุดบนสะพานแห่งนี้ แต่ภาพสวยๆที่จะได้นั้น คุ้มค่าการรอคอยอย่างแน่นอน สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในบาน่าฮิลล์ ได้แก่ หมู่บ้านฝรั่งเศสที่สวยงามและมีร้านอาหารมากมาย ที่นี่ยังมีสวนสนุกในร่มพร้อมเครื่องเล่นและเกมอาร์เคด แต่ถ้าชอบความสงบและอยากไหว้พระขอพร บาน่าฮิลล์มีทั้งวัด เจดีย์ และพระพุทธรูปศากยมุนีองค์ใหญ่
2) เกาะฟูก๊วก (Phu Quoc)
เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวไทย เขตจังหวัดเคียนเกียง (Kien Giang) ทางเวียดนามใต้ จุดเด่นของที่นี่ คือหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสีฟ้าใส เหมาะกับการเล่นน้ำดูปะการัง หรือจะนอนอาบแดดชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศเงียบสงบ เกาะฟูก๊วกได้รับการพัฒนาพื้นที่เพื่อให้เป็นเกาะสวรรค์แห่งการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีรีสอร์ทมากมาย และสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก สวนน้ำ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนสัตว์ และอีกมากมาย นอกจากนี้ เกาะฟูก๊วกยังเป็นแหล่งผลิตน้ำปลาที่ดีที่สุดของเวียดนาม
การเดินทางไปเกาะฟูก๊วกก็ไม่ยาก มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ ลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติฟูก๊วก (Phu Quoc International Airport) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที หรือจะต่อเครื่องบินมาจากเมืองโฮจิมินห์ก็ได้
3) สถานีเคเบิลคาร์ฮอนเทิมและอุทยานธรรมชาติซันเวิลด์ฮอนเทิม
อุทยานธรรมชาติซันเวิลด์ฮอนเทิม (Sun World Hon Thom Nature Park) เป็นเกาะเล็กๆ ที่แยกออกจากพื้นที่ของเกาะใหญ่ฟูก๊วก สามารถเดินทางไปได้ด้วยการนั่งกระเช้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ระยะทาง 7,899 เมตร หรือราว 7 กิโลกว่าๆ ได้รับการพัฒนาพื้นที่โดยบริษัทซัน กรุ๊ป (Sun Group)
ส่วนสถานีเคเบิลคาร์ฮอนเทิม ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบเคเบิลคาร์ข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ตัวสถานีเหมือนหลุดออกมาจากอาณาจักรโรมัน มีทั้งน้ำพุ รูปปั้นนักรบ และสถาปัตยกรรมสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน (หากมีเวลา ควรใช้เวลาสักสองสามนาทีที่ดาดฟ้าชมวิว) เมื่ออยู่ในรถกระเช้า นักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของเกาะใกล้เคียงที่รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว และเรือประมงสีสันสดใส แม้ว่าสถานีเคเบิลคาร์ฮอนเทิมและทิวทัศน์ จะงดงามน่าประทับใจแล้ว บนเกาะแห่งนี้ยังมีแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกมากมายชวนให้สำรวจ ซึ่งรวมทั้งสวนน้ำ “อะควาโทเปีย” ที่มีเครื่องเล่นมากกว่า 20 ชนิด ตั้งแต่สไลเดอร์สูงสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเร้าใจไปจนถึงสายน้ำไหลเอื่อยเหมาะแก่การพักผ่อน
4) หาดไบ่สาว (Bai Sao Beach)
หาดไบ่สาว หรือ หาดปลาดาว เป็นชายหาดที่มีรูปร่างโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว หาดทรายสีขาวละเอียดนุ่มเท้า ที่มีชื่อเรียกว่า “หาดปลาดาว” นั้น เป็นเพราะในเดือนกันยายนถึงตุลาคม จะมีเหล่าปลาดาวสีสันสดใสมานอนเรียงรายเต็มชายหาดสีขาว
หาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น “ชายหาดที่สวยที่สุด” ของเกาะฟูก๊วก บรรยากาศริมชายหาดยังเหมาะกับการพักผ่อนชิลๆ หรือจะลงเล่นน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต มีแนวต้นมะพร้าวดูร่มรื่นตลอดแนวชายหาด
5) นั่งเรือกระจาดชมป่ามะพร้าว Bay Mau ที่ฮอยอัน
การนั่งเรือกระจาดแบบวงกลมที่สานจากไม้ไผ่แทนเรือทั่วไป เพื่อชมป่ามะพร้าว Bay Mau แห่งเมืองฮอยอัน จะเป็นประสบการณ์สุดประทับใจอีกรูปแบบหนึ่งที่พบได้เฉพาะในเมืองเก่าฮอยอันที่ได้รับการยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกแห่งนี้
ที่นี่ถือเป็นปอดสีเขียวของฮอยอันเนื่องจากมีต้นมะพร้าวจำนวนมาก และสายลมที่สดชื่น ช่วยให้คลายความร้อนและปลดปล่อยตัวเองจากความวุ่นวายของท้องถนนในเวียดนามได้เป็นอย่างดี
เมืองเก่าฮอยอันนั้น ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนามทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากเมืองดานังมาทางตอนใต้ราวๆ 20 กิโลเมตรเท่านั้น
6) โบสถ์ทันดินห์ (Tan Dinh Church) โบสถ์คาทอลิกสีชมพูหวาน
สายเที่ยววัดขอพรไม่ควรพลาดการเยี่ยมเยือนโบสถ์ทันดินห์ (Tan Dinh Church) โบสถ์คาทอลิกอายุกว่าร้อยปี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1876 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝรั่งเศสถือครองอาณานิคมเวียดนาม
ตัวโบสถ์สีชมพูโดดเด่นสะดุดตาและมีขนาดใหญ่ ถือเป็นโบสถ์ใหญ่อันดับ 2 ของนครโฮจิมินห์ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของโบสถ์เป็นแบบนีโอโรมาเนสก์ (neo-Romanesque) แต่ก็มีองค์ประกอบแบบนีโอโกธิค (neo-Gothic) และนีโอเรอเนซองส์ (neo-Renaissance) ผสมผสานให้เห็นในบางส่วน ที่นี่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวคริสต์และยังคงใช้ประกอบพิธีกรรมทางคริสต์ศาสนา
แต่สำหรับนักท่องเที่ยว ความโดดเด่นของที่นี่คือตัวอาคารสีชมพูพาสเทลสวยงามทั้งหลัง ทำให้ได้สมญานามว่าเป็น “โบสถ์สีชมพู” นอกจากนี้ ยังมีหอคอยสูงเด่นเป็นสง่า ใกล้ๆ กับประตูจะมีหอระฆังขนาดใหญ่ 2 แห่งที่ตีบอกเวลาทุกๆ ชั่วโมง คู่รักนิยมมาจัดพิธีแต่งงาน หรือถ่ายภาพพรีเวดดิ้งที่โบสถ์แห่งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกของนครโฮจิมินห์
7) นั่งรถกระเช้าพิชิตยอดเขาฟานซีปัน (Fansipan Mountain)
ยอดเขาฟานซีปันที่เมืองซาปา (Sapa) ได้ฉายาว่าเป็น “หลังคาแห่งอินโดจีน” หรือ Roof of Indochina การเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาฟานซีปันนั้น จะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไประยะทางประมาณ 6,292 เมตร หรือราวๆ 6 กิโลเมตร ระหว่างทาง นอกจากจะได้ชมวิวสวยๆ ของขุนเขาและป่าไม้แล้ว ยังมองเห็นเมืองด้านล่างตลอดทางไปจนถึงบริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที ย่นเวลาการเดินทางเมื่อครั้งอดีตที่เคยต้องใช้เวลาเดินเท้าถึง 2 วัน
แต่ถ้าไม่อยากขึ้นรถกระเช้า นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่ยอดเขาแห่งนี้ด้วยรถไฟโมโนเรล หรือถ้าอยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของปลีน่องและแข้งขา ก็มีบันไดให้เดินขึ้น-ลงเช่นกัน