นาย คุโระดะ จุน ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) กล่าวว่า โครงการ JAPAN MALL ในประเทศไทย ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกปี และปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ของใช้ในชีวิตประจำวัน และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงจากประเทศญี่ปุ่นผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซึ่งผู้บริโภคในประเทศไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
โดยหลักการ โครงการ JAPAN MALL ใช้ระบบการจัดส่ง การสั่งซื้อ และการชำระเงินด้วยสกุลเยนภายในประเทศญี่ปุ่น ลดขั้นตอนการส่งออกที่ซับซ้อน ช่วยลดอุปสรรคของการเปิดตลาดในต่างประเทศหรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากนี้ ทางเจโทรและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังร่วมกันทำโปรโมชันหลังมีการซื้อขายผลิตภัณฑ์อีกด้วย
โครงการในปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ต้องการนำเสนอโปรโมชันเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ของใช้ในชีวิตประจำวัน และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง โดย เน้นแนวคิด CLEAN BEAUTY เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากกลุ่มฟอกฟันขาว สกินแคร์กลุ่มชะลอวัย (Anti-Aging) และปกป้องผิวจากมลภาวะ (Anti-Pollution) ทิชชู่เปียก สเปรย์ลดกลิ่นอับสำหรับการตากผ้าในที่ร่ม และผงหอมสำหรับใส่อ่างอาบน้ำ เป็นต้น
“คอนเซปต์ของปีนี้คือ CLEAN BEAUTY ผมหวังว่าผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นที่โดดเด่นเรื่องสุขภาพอนามัย เช่น ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากมลภาวะ PM2.5 หรือผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากกลุ่มฟอกฟันขาว จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทุกๆท่าน”
ประธานเจโทรกล่าวว่า ปีนี้จะเป็นอีกปีที่เจโทรมุ่งหวังให้ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากขึ้น ได้รู้จักถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สินค้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยไม่จำกัดเพียงพื้นที่เฉพาะในเมืองหลวง แต่ยังกระจายไปต่างจังหวัดอีกหลายจังหวัดด้วย เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความหลากหลายให้แก่การใช้ชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ
โครงการ JETRO JAPAN MALL (ไทย) นี้ มีระยะโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 ถึง 28 ก.พ. 2567 คัดเลือกสินค้า 769 รายการจาก 111 แบรนด์ญี่ปุ่นมาเป็นพิเศษ โดยความร่วมมือของ “โมริโตโม” “อาราตะ” และ “โอยามา” ซึ่งเป็นบายเออร์สินค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยที่เข้าใจความต้องการของตลาดไทยเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ยังร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “ลาซาดา” (Lazada) เป็นช่องทางจำหน่าย ควบคู่ไปกับการจำหน่ายทางออฟไลน์ตามหน้าร้าน “ซูรูฮะ” ซึ่งเป็นร้านขายยาจากญี่ปุ่นที่มาเปิดในประเทศไทยจำนวน 19 สาขา
นายโยชิซึงุ ไซโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม โอยามา หนึ่งในบริษัทบายเออร์สินค้าญี่ปุ่นรายใหญ่ เผยว่า โครงการนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว เป็นโครงการที่ช่วยกระตุ้นผู้ผลิตรายใหม่และขยายช่องทางการบุกเบิกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยวางระบบการจำหน่ายทั้งแบบอีคอมเมิร์ซและแบบหน้าร้านซึ่งยังคงเติบโตไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้ การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วยการทำธุรกรรมซื้อขายกับสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก
“ผมว่านี่คือมาตรการดำเนินการที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะระบบอีคอมเมิร์ซและหน้าร้านในประเทศไทยได้เชื่อมต่อกับสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นโดยตรง ผมขอขอบคุณโครงการดีๆ ที่มีประโยชน์ต่อผู้ผลิตญี่ปุ่น ลูกค้าชาวญี่ปุ่น และลูกค้าชาวไทยมา ณ ที่นี้”
ด้านนายมุไก ชุน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านซูรูฮะซึ่งปัจจุบันมี 19 สาขาในประเทศไทย กล่าวเสริมว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการตกแต่งและกิจกรรมในรูปแบบเฉพาะของร้านซูรูฮะ จะช่วยส่งเสริมให้ผู้คนมากมายเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นกันมากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าชาวไทยทุกคนได้ใช้ชีวิตสะดวกสบายด้วยสินค้าที่หลากหลายและพรั่งพร้อมจากประเทศญี่ปุ่นผ่านโครงการนี้